30.9.08

ยกเลิกงาน “3 ทศวรรษศิลปะภาพยนตร์ผ่านงานวิจารณ์หนัง”

ประกาศ ดวงกมลฟิล์มเฮ้าส์ (ฟิล์มไวรัส)

ตามที่ได้เคยประกาศไว้ว่า ฟิล์มไวรัส จะจัดแสดงงาน “3 ทศวรรษศิลปะภาพยนตร์ผ่านงานวิจารณ์หนัง ระหว่างวันที่ 9 – 28 มกราคม 2552หอศิลป์จามจุรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นั้น

ปัจจุบันขอยกเลิกงานเป็นการถาวร ขอขอบคุณนักวิจารณ์ทุกท่านที่ไม่มีความภูมิใจและไม่ศรัทธาในวิชาชีพของตัวเอง อีกทั้งยังไม่สนใจให้ความร่วมมือมา ณ ที่นี้

งวดนี้ไม่มีคำว่า รอ หรือคำว่า ทวง

17.9.08

โปรแกรมหนังเกย์และเลสเบี้ยน (สำหรับคนดูหนังทุกเพศ) สัปดาห์สุดท้าย

โปรแกรมหนังเกย์และเลสเบี้ยน (สำหรับคนดูหนังทุกเพศ) ของ ดวงกมลฟิล์มเฮ้าส์ (ฟิล์มไวรัส) ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์


คลิ้กตามโปรแกรมข้างล่างนี้ ที่ นิมิตวิกาล
http://twilightvirus.blogspot.com/2008/08/openbooks-queer-cinema-for-all-7-14-21.html

These Three และ The Children’s Hour
หนังเนื้อเรื่องเดียวกัน แต่สร้างสองครั้ง (โดยผู้กำกับคนเดียวกัน)

ฉายวันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน 2551

ทำไม William Wyler ถึงรอสร้างหนังฉบับใหม่ที่มี ออเดรย์ แฮปเบิร์น (Audrey Hepburn) และ เชอร์ลี่ แม็คเลน (Shirley Maclaine) นำแสดงถึง 25 ปี (คลิ้กขยายภาพประกอบ)

9.9.08

โปรแกรมหนังเกย์และเลสเบี้ยน ยังไม่จบ

โปรแกรมหนังเกย์และเลสเบี้ยน ของ ดวงกมลฟิล์มเฮ้าส์ (ฟิล์มไวรัส) ยังมีต่ออีก 2 สัปดาห์



อ่านใน นิมิตวิกาล / TwilightVirus



http://twilightvirus.blogspot.com/2008/08/openbooks-queer-cinema-for-all-7-14-21.html

2.9.08

เฉลยหนังคู่สุด SURPRISE ในโปรแกรมดวงกมลฟิล์มเฮ้าส์ + ผู้ได้รับรางวัล

เฉลยหนังคู่สุด SURPRISE ในโปรแกรมดวงกมลฟิล์มเฮ้าส์ + ผู้ได้รับรางวัล

ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับการจัดฉายหนังคู่สุด SURPRISE เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2551 ที่ ห้องเรวัต พุทธินันท์ หอสมุดปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งคำตอบของคำถามชิงรางวัลทั้งหกข้อนั้นก็มีดังต่อไปนี้

ภาพยนตร์ SURPRISE เรื่องที่ 1
1) ภาพยนตร์เรื่องนี้มีชื่อภาษาอังกฤษว่า A Railway Station for Two (1982)
2) ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้คือ Eldar Ryazanov
3) ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์จากประเทศ สหภาพโซเวียต

A Railway Station for Two เป็นผลงานขึ้นชื่อของผู้กำกับโซเวียต Eldar Ryazanov ผู้ถนัดทำหนังแนวทางตลกเอาใจตลาดที่มักจะแอบพาดพิงถึงประเด็นการเมืองเอาไว้อย่างแยบคาย
ใน A Railway Station for Two นี้ ผู้กำกับ Eldar Ryazanov ได้เขียนบทร่วมกับ Emil Braginsky และได้นักแสดงยอดฝีมืออย่าง Lyudmila Gurchenko และ Oleg Basilashvili มารับบทนำเป็นสาวเสิร์ฟและนักเปียโนหนุ่มใหญ่ที่ดันมาพบรักกันในร้านอาหารริมชานชาลารถไฟในช่วงเวลาที่อายุอานามของทั้งคู่ก็ล่วงเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว จากสถานะของบริกรและลูกค้าที่ไม่ลงรอยกัน สุดท้ายทั้งคู่ก็ต้องเผลอไผลแอบมีใจให้กันได้อย่างไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
นับเป็นหนัง Romantic Comedy แนวแปลกที่สามารถเรียกหาความรู้สึกอ่อนไหวในวัยเยาว์กลับมาสู่ชายและหญิงวัยกลางคนได้อย่างแสนน่ารัก ชนิดที่แฟน ๆ ของหนังอย่าง Before Sunrise, Before Sunset หรือแม้แต่ In the City of Sylvia คงจะตกหลุมรักหนังเรื่องนี้ได้โดยไม่ยากเย็น!

ภาพยนตร์ SURPRISE เรื่องที่ 2
1) ภาพยนตร์เรื่องนี้มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Siege, Blockade หรือ Matzor (1969)
2) ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้คือ Gilberto Tofano
3) ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์จากประเทศ อิสราเอล

Matzor เป็นหนังจากอิสราเอล แต่กำกับโดยผู้กำกับสัญชาติอิตาเลียนที่แทบจะไม่มีใครรู้จัก (เพราะเขามีโอกาสได้กำกับหนังขนาดยาวเพียงเรื่องเดียว) ภาพยนตร์เรื่องนี้เคยเข้าร่วมประกวดในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์อย่างเงียบ ๆ เมื่อปี 1969 และแทบจะไม่ได้รับการกล่าวขวัญถึงอีกเลยหลังจากนั้น เนื้อหาของ Matzor เล่าถึงช่วงชีวิตแห่งความลังเลใจของ Tamar ม่ายสาวพราวเสน่ห์ที่เพิ่งสูญเสียสามีซึ่งเป็นทหารไปจากสงครามหกวัน เธอจะต้องตัดสินใจว่าจะครองสภาพเป็นวีรสตรีหญิงม่ายตามธรรมเนียมปฏิบัติของอิสราเอลหรือจะมอบหัวใจให้กับชายหนุ่มรายใหม่ซึ่งกำลังเข้ามาติดพันเธอ
จากเนื้อเรื่องแสนธรรมดา ๆ และออกจะเชย ๆ แต่ผู้กำกับ Gilberto Tofano กลับสามารถใช้เทคนิคเชิงหนังถ่ายทอดสภาพจิตใจของ Tamar ออกมาได้อย่างแจ่มชัดจนน่าตื่นตะลึง หนังถ่ายด้วยฟิล์มขาวดำตลอดทั้งเรื่อง จัดองค์ประกอบภาพในแต่ละฉากได้อย่างแปลกตา แถมยังตัดลำดับภาพกระโดดสลับไปมาได้อย่างน่าตื่นเต้น ชวนให้นึกไปถึงลีลาแหวกขนบของหนังกลุ่ม French New Wave อย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว Matzor จึงนับเป็นหนังตะวันออกกลางจากปลายยุค 60’s ที่ยังคงความแปลกใหม่และเก๋ไก๋ได้แม้ในปัจจุบัน โดยเฉพาะฉากสุดท้ายนั้นคงจะทำให้หลาย ๆ คนต้อง surprise จนหงายหลังตึง!

ดวงกมลฟิล์มเฮ้าส์ ขอขอบคุณทุก ๆ ท่านที่ร่วมสนุกในการตอบคำถาม และขอแสดงความยินดีกับ คุณ เอกสิทธิ์ ยี่สาน ที่ตอบคำถามได้ถูกต้องจำนวน 1 ข้อว่าภาพยนตร์ SURPRISE เรื่องที่สอง เป็นภาพยนตร์จากประเทศอิสราเอล โดยจะได้รับหนังสือ “Queer Cinema for All: 30 หนังเกย์และเลสเบี้ยนที่ชายจริงหญิงแท้ควรได้ดู” จำนวน 1 เล่มเป็นของรางวัล

25.8.08

เชิญร่วมสนุกทายคำตอบหนังคู่สุด SURPRISE

ดวงกมลฟิล์มเฮ้าส์ (ฟิล์มไวรัส) ขอเชิญร่วมสนุกทายคำตอบหนังคู่สุด SURPRISE ภายในวันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม นี้

ตามที่ดวงกมลฟิล์มเฮ้าส์ ได้แจ้งโปรแกรมภาพยนตร์ SURPRISE สุดพิเศษซึ่งจะจัดฉายให้ได้ชมกันใน วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม นี้ ณ ห้องเรวัต พุทธินันท์ ชั้นใต้ดิน U2 หอสมุดปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ตั้งแต่เวลา 12.30 น. เป็นต้นไป ดวงกมลฟิล์มเฮ้าส์ขอเชิญทุก ๆ ท่าน ร่วมสนุกด้วยการตอบคำถามเกี่ยวกับหนัง SURPRISE ทั้งสองเรื่องนี้จากคำใบ้ โดยผู้ที่ตอบคำถามได้ถูกต้องมากที่สุดจะได้รับหนังสือ “QUEER CINEMA FOR ALL: 30 หนังเกย์และเลสเบี้ยนที่ชายจริงหญิงแท้ควรได้ดู” จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ openbooks จำนวน 1 เล่มเป็นของรางวัล

สำหรับคำใบ้ของโปรแกรมภาพยนตร์ในวันนั้นมีดังนี้

อาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม 2551
12.30 น. ภาพยนตร์ SURPRISE # 1
ใบ้ด้วยเรื่องย่อ: เรื่องราวความรักที่ไม่น่าเป็นไปได้ของนักเปียโนหนุ่มใหญ่กับสาวเสิร์ฟวัยกลางคน กับผลงานชวนฝันที่ทำออกมาได้โรแมนติกอย่างเหลือเชื่อ!

15.00 น. ภาพยนตร์ SURPRISE # 2
ใบ้ด้วยภาพปกหนัง: (ดูภาพข้างบน)

ฉาย ณ ห้องเรวัต พุทธินันท์ ชั้นใต้ดิน U2 หอสมุดปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
โทร 0-2613-3529 หรือ 0-2613-3530
ชมฟรีทั้งรายการ (โปรดแจ้งเจ้าหน้าที่ห้องสมุดว่ามาชมภาพยนตร์ และกรุณาแต่งกายสุภาพ)
คำถามสำหรับภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องนี้ก็คือ . . .

ภาพยนตร์ SURPRISE เรื่องที่ 1
1) ภาพยนตร์เรื่องนี้มีชื่อภาษาอังกฤษว่า _________________________________________________
2) ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้คือ _________________________________________________________
3) ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์จากประเทศ ____________________________________________

ภาพยนตร์ SURPRISE เรื่องที่ 2
1) ภาพยนตร์เรื่องนี้มีชื่อภาษาอังกฤษว่า _________________________________________________
2) ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้คือ _________________________________________________________
3) ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์จากประเทศ ____________________________________________

ร่วมสนุกด้วยการส่งคำตอบทาง e-mail ถึง dkfilmhouse@yahoo.com พร้อมชื่อ-นามสกุล และที่อยู่สำหรับรับรางวัลภายในวันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม 2551 เวลา 9.00 น. โดยขอจำกัด 1 ท่านต่อคำตอบ 1 ชุดเท่านั้น ขอย้ำว่าท่านไม่จำเป็นต้องตอบคำถามได้ทั้งหมด เพราะเราจะมอบรางวัลให้แก่ผู้ที่ตอบถูกต้องมากที่สุด โอกาสจึงยังเป็นของคุณ!

(ใบ้ให้เพิ่มเติมว่าภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องนี้ไม่ใช่ภาพยนตร์พูดภาษาอังกฤษ)

ติดตามรายชื่อผู้ได้รับรางวัลพร้อมคำเฉลยได้ที่นี่ หลังวันฉายภาพยนตร์

ภาพปกหนังสือของรางวัล
และติดตามโปรแกรมภาพยนตร์ Queer Cinema for All หนังเกย์และเลสเบี้ยนที่ชายจริงหญิงแท้ควรได้ดู ต่อได้ที่ http://twilightvirus.blogspot.com/2008/08/openbooks-queer-cinema-for-all-7-14-21.html

4.8.08

เปิดตัวหนังสือ Queer Cinema และ Outsider in Cinema

ภาพงานเปิดตัวหนังสือ Outsider in Cinema ของ อุทิศ เหมะมูล และ Queer Cinema ของ กัลปพฤกษ์

วันที่ 2 สิงหาคม 2551 พร้อมฉายหนังประกอบ

สถานที่คือ People Space Gallery ย่านแพร่งภูธร ใกล้สี่แยกคอกวัว http://www.people-space.blogspot.com/บริหารแกลเลอรี่ โดย คุณภิญโญ ไตรสุริยธรรมา บรรณาธิการบริหารของสำนักพิมพ์ openbooks บ้านของหนังสือหลายเล่มในชุด filmvirus นี่เอง
(ภาพปก Outsider in Cinema ของ อุทิศ เหมะมูล)

“QUEER CINEMA FOR ALL: 30 หนังเกย์และเลสเบี้ยนที่ชายจริงหญิงแท้ควรได้ดู”

วางตลาดใกล้บ้านท่าน!

แนะนำหนังสือ
QUEER CINEMA FOR ALL: 30 หนังเกย์และเลสเบี้ยนที่ชายจริงหญิงแท้ควรได้ดู

แต่งโดย กัลปพฤกษ์

“QUEER CINEMA FOR ALL: 30 หนังเกย์และเลสเบี้ยนที่ชายจริงหญิงแท้ควรได้ดู” เป็นหนังสือรวมบทความแนะนำภาพยนตร์ที่ว่าด้วยเรื่องราวหลากหลายของกลุ่มคนรักร่วมเพศจำนวน 30 เรื่องที่ชายจริงหญิงแท้ควรจะต้องเปิดโอกาส หนังที่เลือกมาแนะนำในหนังสือเล่มนี้จะนำพาผู้อ่านชายจริงหญิงแท้ไปสัมผัสกับโลกของผู้ที่มีรสนิยมรักร่วมเพศผ่านตัวละครต่าง ๆ อย่างละเอียดลึกซึ้ง ด้วยแง่มุมลึกเร้นซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะนึกไปไม่ถึง

หนังทั้ง 30 เรื่องในหนังสือเล่มนี้เป็นหนังนานาชาติจากหลากยุคหลายสมัย ซึ่งสามารถให้คำตอบต่อคำถามที่ชายจริงหญิงแท้มักจะมีต่อบุคคลรักร่วมเพศว่า ทำไมจึงต้องมีรักร่วมเพศ? รักร่วมเพศสามารถรักษาให้หายได้หรือไม่? มีปัจจัยใดบ้างที่ทำให้ใครบางคนหันมารักชอบเพศเดียวกัน? จะบอกได้อย่างไรว่าใครคนไหนเป็นรักร่วมเพศ? และควรทำอย่างไรเมื่อลูกเริ่มมีอาการเบี่ยงเบน?

หนังสือเล่มนี้มุ่งกระตุ้นให้ผู้อ่านชายจริงหญิงแท้ทั้งหลาย ได้หันมาสนใจและทำความเข้าใจกลุ่มคนรักร่วมเพศที่อยู่ร่วมในสังคม ด้วยการทำความรู้จักพวกเขาในสิ่งที่พวกเขาเป็นโดยปราศจากอคติ ซึ่งน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการเชื่อมสะพานแห่งความเข้าใจบุคคลที่มีบางด้านบางมุมต่างไปจากเรา อันจะนำไปสู่หนทางของการอยู่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์และสงบสุขโดยปราศจากการแบ่งแยก

แม้ว่าเนื้อหาหลักในหนังสือเล่มนี้จะเน้นถึงการทำความรู้จักกับกลุ่มคนรักร่วมเพศ แต่การวิเคราะห์ตัวละครในหนังหลายเรื่องก็ยังมีการเทียบเคียงอารมณ์ภายในของกลุ่มคนรักร่วมเพศกับอารมณ์ความรู้สึกของกลุ่มคนรักต่างเพศทั้งชายและหญิงประกอบไปด้วยอย่างคู่ขนาน “QUEER CINEMA FOR ALL: 30 หนังเกย์และเลสเบี้ยนที่ชายจริงหญิงแท้ควรได้ดู” จึงมิได้เป็นเพียงหนังสือที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนรักร่วมเพศเท่านั้น หากยังมีมุมมองที่สะท้อนถึงความรู้สึกอันแตกต่างหลากหลายระหว่างชายและหญิงรักต่างเพศทั่วไปกับกลุ่มผู้ที่มีจิตใจรักชอบเพศเดียวกันได้อย่างน่าขบคิด ชนิดที่ไม่ควรจะมองข้ามไปได้ง่าย ๆ ไม่ว่าคุณจะสังกัดอยู่ในทะเบียนเพศไหนก็ตาม!

สารบัญ
01 เควียร์อมตะ
02 ทำไมต้องเป็น?
03 รุ่นบุกเบิก เมื่อคุณลุง ‘นะยะ’ พบคุณป้า ‘นะฮะ’
04 ความสัมพันธ์อันตราย
05 งามสรีระ
06 ยอดผู้กำกับเกย์ RAINER WERNER FASSBINDER
07 กว่าจะเป็นเกย์
08 กว่าจะเป็นเลสเบี้ยน
09 ภูมิใจที่ได้เป็น
10 สุดอายเมื่อกลายเป็น
11 เพศแท้แพ้ใกล้ชิด
12 สัตว์ประหลาด!!
13 ยอดผู้กำกับเลสเบี้ยน ULRIKE OTTINGER
14 เกย์สะเทือนทัพ
15 เรื่องจริงปวดใจ

อ่านแล้วอยากดูหนัง
ขอเชิญชมโปรแกรมฉายหนังได้ที่นี่ *
http://twilightvirus.blogspot.com/2008/08/openbooks-queer-cinema-for-all-7-14-21.html

31.7.08

TOOTSIE ชื่อนี้มีที่มา

โดย . . . ‘กัลปพฤกษ์’ kalapapruek@hotmail.com

TOOTSIE เป็นชื่อของภาพยนตร์ตลกโรแมนติกระดับเข้าชิงรางวัลออสการ์ของผู้กำกับ Sydney Pollack ซึ่งเพิ่งจะลาจากโลกนี้ไปด้วยโรคมะเร็งเมื่อกลางปี 2008 ภาพยนตร์ที่ออกฉายเมื่อปี 1982 เรื่องนี้นับเป็นการรับบทบาทการแสดงที่โดดเด่นและน่าประทับใจมากที่สุดบทหนึ่งของนักแสดงชายระดับแถวหน้าของวงการอย่าง Dustin Hoffman เลยทีเดียว

Dustin Hoffman รับบทบาทเป็น Michael Dorsey นักแสดงหนุ่มผู้ตกอับที่ไม่มีผู้กำกับละครรายไหนยอมให้เขาได้รับเล่นบทใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นบทเล็กบทน้อยเพียงไหนก็ตาม เมื่อเริ่มหมดสิ้นหนทาง Michael จึงตัดสินใจลุกขึ้นปลอมตัวเองเป็นผู้หญิงแล้วไปสมัครคัดเลือกนักแสดงโดยใช้ชื่อ Dorothy Michaels เพื่อรับบทบาทเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสของโรงพยาบาลในละครโทรทัศน์ที่ออกอากาศตอนกลางวันเรื่อง Southwest General Hospital จนกระทั่งได้บท! Michael ในร่างของ Dorothy จึงต้องใช้ความสามารถทางการแสดงในการ ‘เล่นละคร’ ตบตาทั้งคนดูและทีมงานในกองถ่ายโดยไม่มีใครระแคะระคายเลยว่า Dorothy มิใช่หญิงแท้! เหตุการณ์เริ่มวุ่นวายมากขึ้นเมื่อละครเรื่องนี้เกิดดังเป็นพลุแตกจากบทหญิงเหล็กผู้ไม่ยอมก้มหัวให้ชายหน้าไหนของ Dorothy ที่ Michael แสดงออกมาได้อย่างเยี่ยมยอดนั่นเอง ซึ่งก็ทำให้ Dorothy กลายเป็นวีรสตรีผู้มีชื่อเสียงโด่งดังทั้งในสื่อโทรทัศน์และตามหน้านิตยสารต่าง ๆ ในชั่วเวลาข้ามคืน


ด้วยฐานะของหญิงเก่งยุคใหม่ท่ามกลางกาลสมัยแห่งการลุกขึ้นเรียกร้องความเท่าเทียมของอิสตรี Michael เริ่มรู้สึกหนักใจเมื่อความดังของละครทำให้เขาได้รับข้อเสนอให้ต่อสัญญาเพื่อรับบทบาทนี้ไปอีกหนึ่งปี แถมเขายังไปแอบมีใจให้กับ Julie Nichols (แสดงโดย Jessica Lange) แม่ลูกอ่อนที่รับบทบาทเป็นนางพยาบาลในละครเรื่องเดียวกัน อีกทั้งยังถูกนักแสดงชายวัยทองผู้บ้ากามและบิดาบังเกิดเกล้าของ Julie มายื่นแหวนขอแต่งงานกับเขาอีกด้วย! Michael จะหาทางออกต่อสถานการณ์นี้อย่างไร คงต้องขอเชิญชวนให้ได้หาโอกาสติดตามกันจากหนังตลกชั้นดีมากมีรสนิยมเรื่องนี้

ความสนุกของหนังนอกจากจะอยู่ที่มุกโปกฮาของการรับมือกับสถานการณ์วุ่นวายรอบด้านของ Michael ในขณะที่ต้องปลอมตัวเป็น Dorothy แล้ว หนังยังมีน้ำเสียงของการเสียดสีที่ให้สาระด้านการยกชูการเรียกร้องสิทธิสตรีได้อย่างน่ารักน่าชังอีกด้วย ด้วยสถานการณ์ที่ผูกรัดให้ Michael จะต้องรับบทบาททั้งนอกจอและในจออย่างแนบเนียน ผู้ชายแท้ทั้งแท่งอย่างเขาจึงต้องหันมาสนใจเรื่องราวสวย ๆ งาม ๆ ต่าง ๆ นานา เป็นต้นว่า จะใช้ mascara หรือ eye-shadow สีใดดี หากสวมเสื้อลายนี้กับกะโปรงตัวนี้แล้วมันจะเข้ากันไหม ไปจนถึงการแสดงกิริยารักนวลสงวนตัวเยี่ยงกุลสตรีที่จะไม่ยอมตกเป็นวัตถุทางอารมณ์จากบรรดาหนุ่มใหญ่จอมตัณหาอย่างหยิ่งทะนง! ไม่น่าแปลกใจที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้รับเสียงชื่นชมจากกลุ่ม Feminist ทั้งหลายในช่วงเวลานั้นอย่างท่วมท้น เพราะการที่หนังได้แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์จำเป็นที่ผู้ชายธรรมดา ๆ คนหนึ่งจะมีโอกาสได้รับรู้รสชาติของการเป็น ‘ผู้หญิง’ ดูบ้างนั้น มันช่างเป็นเรื่องชวนสะใจที่จะทำให้ฝ่าย ‘ผู้ชาย’ ได้สำเหนียกและเรียนรู้กันเสียบ้างว่า การเป็นผู้หญิงนั้นมันลำบากขนาดไหน!

ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูงบนเวทีออสการ์เมื่อหนังได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลต่าง ๆ ถึง 9 สาขารวมทั้งสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมและภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปี โดยมี Jessica Lange เป็นผู้คว้ารางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมมาครองได้สำเร็จ นอกจากนี้เพลงประกอบหนังอย่าง It Might Be You ซึ่งแต่งและร้องโดย Stephen Bishop ก็ยังกลายเป็นเพลงฮิตติดหูเป็นที่นิยมฟังกันจนถึงทุกวันนี้

สำหรับชื่อหนัง TOOTSIE นั้น คือชื่อเรียกล้อที่ผู้จัดละครชายใช้เรียกขาน Dorothy ขณะสั่ง take ในการถ่ายทำฉากหนึ่ง ซึ่งก็ทำให้ Dorothy เกิดอาการวีนแตกขึ้นมาทันทีเมื่อเธอถูกเรียกขานอย่างไม่ให้เกียรติ พร้อมสำทับกลับไปอย่างทันควันว่า ชื่อของเธอนั้นคือ Dorothy, D-O-R-O-T-H-Y ไม่ใช่ TOOTSIE โปรดเรียกขานใหม่ให้ถูกต้องด้วย! คำว่า TOOTSIE นี้ เป็นคำแสลงภาษาอังกฤษที่ใช้เรียกเด็กผู้หญิง เทียบกับคำไทยแล้วน่าจะแปลได้ว่า ‘อีหนู!’ หรือ ‘น้องสาว!’ ซึ่งคำนี้ Dustin Hoffman เป็นผู้เสนอให้ใส่ไว้ในบทภาพยนตร์ด้วยตนเอง โดยเขายืมมาจากชื่อเล่นของสุนัขที่มารดาของเขาเลี้ยงไว้ในเวลานั้น

เมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้มีโอกาสได้เข้าฉายในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2526 คำว่า ‘ตุ๊ดซี่’ จึงได้กลายเป็นคำฮิตติดปากในหมู่คนไทยใช้เรียกชายกะเทยที่นิยมการแต่งเนื้อแต่งตัวและแสดงจริตกิริยาเยี่ยงมาจนถึงปัจจุบัน โดยส่วนใหญ่จะเรียกกันสั้น ๆ ว่า ‘ตุ๊ด’ แต่ก็มีผู้สันทัดกรณีหลายรายยืนยันว่า มีการใช้คำว่า ‘ตุ๊ด’ เรียกชายกะเทยกันในเมืองไทยมาก่อนหน้าที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเข้าฉายในอเมริกาเสียด้วยซ้ำ โดยสันนิษฐานกันว่ามันน่าจะมาจากคำภาษาอังกฤษว่า toots ซึ่งมีความหมายเดียวกับ tootsie แต่มีการแผลงความหมายใช้เรียกชายที่มีบุคลิกตุ้งติ้งนุ่มนวลเพิ่มเติมจากนิยามความหมายเดิมของคำศัพท์ที่จำกัดเฉพาะผู้หญิงแต่เพียงอย่างเดียว

สำหรับคุณผู้อ่านที่สนใจเรื่องราวชีวิตอันหลากหลายของ ‘ตุ๊ดซี่’ ‘เกย์’ ‘กะเทย’ ‘เก้ง’ ‘กวาง’ ‘ทอม’ ‘ไบ’ ‘ดี้’ ‘เบี้ยน’ รวมทั้งกลุ่ม ‘คนข้ามเพศ’ ทั้งหลาย สามารถติดตามอ่านได้จากหนังสือ “QUEER CINEMA FOR ALL: 30 หนังเกย์และเลสเบี้ยนที่ชายจริงหญิงแท้ควรได้ดู” พิมพ์โดยสำนักพิมพ์ openbooks ซึ่งจะมีงานเปิดตัว เริ่มวางจำหน่าย พร้อมทั้งฉายหนังบางเรื่องให้ได้ดูกันในวันที่ 2-3 สิงหาคม 2551 ณ People Space Gallery

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.onopen.com/2008/editor-spaces/3101

12.7.08

จาก Cronos ถึง Hellboy

Hellboy
Hellboy
Hellboy
Hellboy
Hellboy

Guillermo del Toro
Guillermo del Toro
Guillermo del Toro
Guillermo del Toro
Guillermo del Toro

Guillermo del Toro

หน้านี้มอบให้ กิญแญร์โม่ เดล โตโร่ ผู้กำกับ Mimic, Hellboy, Cronos, The Devil’s Blackbone และ Pan’s Labyrinth

ต้อนกับการมาเยือนของ Hellboy 2 (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ กิญแญร์โม่ เดล โตโร่ ได้ใน ฟิล์มไวรัส เล่ม 5 : ฉบับปฏิบัติการหนังทุนน้อย)
(ภาพจากปกวีซีไทย Cronos)

5.7.08

เกียรติยศสูงสุดอีกครั้งของของคนไทย

เครื่องอิสริยาภรณ์สำหรับคนทำหนังไทยระดับโลก

อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล กำลังจะเข้ารับเหรียญตราเกียรติยศ Chevalier des Arts et des letters ซึ่งนับเป็นของสูงในแวดวงวัฒนธรรมฝรั่งเศส ถือเป็นเกียรติระดับเกือบสูงสุดเท่าที่คนฝรั่งเศสเองภูมิใจและคนต่างชาติมากมาย (ได้แต่) ฝันใฝ่

คนดังวงการศิลปะ ดนตรี วรรณกรรม ภาพยนตร์ที่เคยรับเกียรติได้มาก่อนหน้านี้ก็เช่น

Michael Haneke
กงลี่
Paul Auster (อ่านที่ http://www.onopen.com/2006/02/1247)
David Bowie
Anthony Burgess
Ray Bradbury (คนนี้เจ้ยตัวจริงมาแล้วพร้อมสอยลายเซ็นต์)
William Faulkner
Nan Goldin
Bob Dylan
Celine Dion
Nadine Gordimer
Hal Hartley (อ่านใน filmvirus เล่ม 5)
Patricia Highsmith
กิมย้ง
Kazuo Ishiguro
Emir Kusturica
Jude Law
Jackson Pollock
Merlyn Streep
Patti Smith
Salman Rushdie
Mrinal Sen
Robert Redford
Toni Morrison
Rudolf Nureyev
Hayao Miyazaki
Ella Fitzgerald


ขนาดชาวต่างประเทศอย่างป๋า Clint Eastwood ยังมาได้ไอ้เครื่องอิสริยาภรณ์นี่ตอนแก่
แล้ว อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล เป็นใคร

เจ้ย อภิชาติพงศ์ - เขาคือคนที่ชาติไทย และรัฐบาลไทยไม่ต้องการให้ลงสมัครพรรคไหน
เฮ้ มีพรรคของตัวเองดีกว่า พรรค Kick the Machine ไง มีคอหนังตัวจริงเป็นแนวร่วมดีกว่าที่ต้องซื้อเสียงจ่ายเงินกินต้มยำกุ้งกับฮะเก๋า

กำลังจะมีพิธีงานเลี้ยงรับรองที่สมาคมฝรั่งเศส กรุงเทพฯ
วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 เวลา 18.00 น.
จบรายงานข่าว-สำนักข่าวฟิล์มไวรัส
(ภาพประกอบโดย Filmvirus)

เอ้า ใครยังไม่มีหนังสือ สัตว์วิกาล: ภาพเรืองแสงของ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล (Unknown Forces: The Illuminated Art of Apichatpong Weerasethakul) ของ ฟิล์มไวรัส / openbooks ก็เชิญหาซื้อเถิด ก่อนจะกลายเป็นของสะสมหายาก

รายละเอียดตามนี้เลย : http://dkfilmhouse.blogspot.com/2007/10/blog-post.html

ใช่! นี่มันโฆษณากันชัด ๆ
ประกาศโฆษณาติดต่อ : ฟิล์มไวรัส

17.6.08

เทศกาลศิลปะเมดเล่ย์ ดอน กิโฆเต้ แห่งลามันช่า

หลังจากที่ ดวงกมลฟิล์มเฮ้าส์ (ฟิล์มไวรัส) ได้เคยนำเสนอ ภาพยนตร์ ดอน กีโฆเต้ ไปชุดหนึ่งเมื่อเดือน มิถุนายน 2550 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ http://library.tu.ac.th/staff/user4/movies/Don%20Quixote.html

ในคราวนี้เพื่อสานต่อการ "สู่ฝันอันยิ่งใหญ่" ฟิล์มไวรัส จึงขอเพิ่มเติมหนัง Don Quixote และศิลปะแขนงอื่น ๆ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากอมตะวรรณคดีเรื่องดัง

ดวงกมลฟิล์มเฮ้าส์ (ฟิล์มไวรัส) ร่วมกับ สำนักพิมพ์ผีเสื้อ และ สำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เสนอ . . .

เทศกาลศิลปะเมดเล่ย์ ดอน กิโฆเต้ แห่งลามันช่า
รวมมิตรภาพยนตร์ ดนตรีและนาฏลีลา แห่งแรงบันดาลใจ
จากบทประพันธ์เรื่องสำคัญของ มิเกล เด เซร์บันเตส

วันเสาร์ที่ 5 และ 12 กรกฎาคม 2551
ณ ห้องเรวัต พุทธินันท์ ชั้นใต้ดิน U2 หอสมุดปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
โทร 0-2613-3529 หรือ 0-2613-3530
ชมฟรีตลอดรายการ!!!

(โปรดแจ้งเจ้าหน้าที่ห้องสมุดว่ามาร่วมชมเทศกาล และกรุณาแต่งกายสุภาพ)

ร่วมชมผลงานภาพยนตร์ ดอน กิโฆเต้ ฉบับที่ยังไม่เคยจัดฉายมาก่อน พร้อมด้วยการแสดงนาฏลีลาและการบรรเลงดนตรีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากบทประพันธ์อมตะชิ้นนี้ และร่วมเสวนากับวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ คุณสุชาติ สวัสดิ์ศรี เจ้าของนามปากกา 'สิงห์ สนามหลวง' กับคุณมกุฏ อรฤดี บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ผีเสื้อ ในหัวข้อ "โลกศิลปะของดอน กิโฆเต้ แห่งลามันชา" ดำเนินรายการโดย 'กัลปพฤกษ์'

5 กรกฎาคม 2551

13.00 – 14.00 น.
ฉายภาพยนตร์เรื่อง Adventures of Don Quixote (1933) กำกับโดย G.W. Pabst
14.00 – 15.45 น.
ฉายภาพยนตร์เรื่อง Don Kikhot (1957) ฉบับรัสเซีย กำกับโดย Grigory Kozintsev
16.00 – 18.00 น.
ร่วมเสวนาในหัวข้อ “โลกศิลปะของดอน กิโฆเต้ แห่งลามันชา” กับคุณ สุชาติ สวัสดิ์ศรี หรือ ‘สิงห์ สนามหลวง’ บรรณาธิการนิตยสารช่อการะเกด และคุณ มกุฏ อรฤดี บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ผีเสื้อ ดำเนินรายการโดย ‘กัลปพฤกษ์’

12 กรกฎาคม 2551

12.30 – 14.45 น.
ฉายการแสดงบัลเลต์เรื่อง Don Quixote กำกับโดย Rudolf Nureyev
15.00 – 16.45 น.
ฉายภาพยนตร์สเปนเรื่อง Honor de Cavalleria (2006) กำกับโดย Albert Serra
17.00 – 17.45 น.
ฉายการบรรเลงบทคีตนิพนธ์ Don Quixote ประพันธ์โดย Richard Strauss อำนวยวงโดย Herbert von Karajan

เรื่องย่อของบทประพันธ์ ดอนกิโฆเต้ แห่งลามันช่า ขุนนางต่ำศักดิ์นักฝัน

เรื่องราวใน "ดอนกิโฆเต้ แห่งลามันช่า ขุนนางต่ำศักดิ์นักฝัน" ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นวรรณกรรมรูปแบบ 'นวนิยาย' เรื่องแรกของโลกนั้น จะเป็นการล้อเลียนขนบงานวรรณคดีวีรคติที่มุ่งเชิดชูอุดมคติและความมุ่งมั่นในการพิชิตหมู่มารอภิบาลคนดีของเหล่าอัศวินวีรบุรุษผู้กล้า โดยจะเล่าเรื่องราวผ่านตัวละคร อล็อนโซ กิฆาน่า ชายวัยเกษียณอายุที่มีอาการคลั่งไคล้วรรณคดีแนวอัศวินเหล่านี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น เขาไม่ลังเลเลยที่จะตัดสินใจขายที่ดินเพื่อนำเงินมาซื้องานวรรณกรรมที่เขาหลงรักแล้วก้มหน้าก้มตาตะบี้ตะบันอ่านมันอย่างหิวกระหายโดยไม่สนใจเดือนตะวัน จนเป็นที่หวั่นใจของหลานสาวและแม่บ้านซึ่งอาศัยร่วมชายคาเดียวกับเขา ถึงขั้นต้องพยายามหาวิธีปรามความคลุ้มคลั่งในโลกจินตนาการของชายผู้เป็นเจ้าของบ้านก่อนที่เขาจะเสียจริต

แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะสายเกินไป เมื่อ อล็อนโซ กิฆาน่า เกิดแรงบันดาลใจจากการอ่านวรรณกรรมเหล่านี้อย่างจริงจัง จนต้องอุปโลกน์ตนเองเป็นขุนนางผู้กล้านามว่า ดอนกิโฆเต้ แห่งลามันช่า (Don Quixote de La Mancha) ควบม้าคู่ใจออกจากบ้านพร้อม ซันโช่ ปันซ่า ชายชาวบ้านผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร เพื่อไปปฏิบัติภารกิจอันยิ่งใหญ่ของเหล่าอัศวินผู้ผดุงความยุติธรรม โดยมี ดุลซิน่า หญิงงามในจินตนาการซึ่ง ดอนกิโฆเต้ สร้างตัวตนขึ้นมาเพื่อเป็นแรงใจให้เขาสามารถฟันฝ่าอุปสรรคทั้งหลายได้ตลอดการเดินทาง

Adventures of Don Quixote (1933) กำกับโดย G. W. Pabst

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ชุดที่ กีออร์ก วิลเฮล์ม พาบส์ (Georg Wilhelm Pabst) ได้ถ่ายทำพร้อม ๆ กันถึงสามภาษา คือ ฝรั่งเศส อังกฤษ และเยอรมัน และออกฉายเมื่อปี ค.ศ. 1933 กีออร์ก วิลเฮล์ม พาบส์ เคยมีผลงานภาพยนตร์เรื่องดังอย่าง Pandora's Box (1929) ซึ่งดัดแปลงจากบทละครของ ฟรังค์ เวเดคินด์ (Frank Wedekind) สำหรับ Adventures of Don Quixote ชุดสามภาษานี้ ก็ได้นักร้องนักแสดงชื่อดังชาวรัสเซียผู้เรืองนาม เฟโอดอร์ ชาลีอาปิน (Feodor Chaliapin) มาสวมบทบาทเป็นดอนกิโฆเต้ โดยผู้กำกับ กีออร์ก วิลเฮล์ม พาบส์ ได้ใช้บทภาพยนตร์ และฉากหลังเดียวกันถ่ายทำไปทีละภาษาแถมยังสามารถทำออกมาได้เสร็จพร้อมกันในปีเดียวเป็นหนังความยาวเรื่องละ 1 ชั่วโมง

ฉบับแรกที่สำเร็จออกมาคือฉบับภาษาฝรั่งเศสซึ่งดูจะเป็นฉบับที่สมบูรณ์พร้อมมากที่สุดทั้งทางด้านรายละเอียดเหตุการณ์และการแสดง จากนั้นจึงมีฉบับภาษาอังกฤษและเยอรมันตามมา ซึ่งปัจจุบันนี้ก็หาชมกันได้เพียงฉบับฝรั่งเศสและอังกฤษเท่านั้นเนื่องจากต้นฉบับหนังฉบับเยอรมันนั้นได้สูญหายไปเสียแล้ว สำหรับ Adventures of Don Quixote ฉบับที่จะฉายในงานนี้จะเป็นฉบับภาษาฝรั่งเศสพร้อมคำบรรยายภาษาอังกฤษ

Don Kikhot (1957) กำกับโดย Grigori Kozintsev

ผลงานภาพยนตร์ดอนกิโฆเต้ฉบับรัสเซียฝีมือการกำกับโดย กริกอรี โคซินท์เซฟ (Grigori Kozintsev) ผู้กำกับชาวรัสเซียที่ถนัดถนี่ในการดัดแปลงวรรณกรรมอมตะลงสู่แผ่นฟิล์ม ผลงานเด่นเรื่องอื่น ๆ ของเขาก็ประกอบด้วย Shinel (1926) จากบทประพันธ์เรื่อง The Overcoat ของนิโคไล โกโกล (Nikolai Gogol) The Young Fritz (1943) จากบทกวีของ ซามูอิล มาร์ชัค (Samuil Marshak) และ Gamlet (1964) กับ Korol Lir (1971) ซึ่งดัดแปลงจากบทละครเรื่อง Hamlet และ King Lear ของวิลเลียม เชคสเปียร์ (William Shakespeare)

สิ่งที่น่าสนใจในภาพยนตร์ดอนกิโฆเต้ฉบับนี้ก็คือความแปลกใหม่ของการให้น้ำหนักของตัวละครรอบข้างมากกว่าตัวละครเอกอย่างดอนกิโฆเต้อย่างเห็นได้ชัด ด้วยจุดประสงค์หลักของตัวภาพยนตร์เองที่ต้องการชูประเด็นการเย้ยหยันอุดมคติแห่งคุณค่าดีงามว่าเป็นเพียงความเพ้อเจ้อใหลหลงของผู้โง่เขลาเบาปัญญาซึ่งควรจะตกเป็นเหยื่อแห่งความสำราญของผู้ที่เฉลียวฉลาดกว่า Don Kikhot ฉบับของผู้กำกับ กริกอรี โคซินท์เซฟ จึงให้ความสำคัญต่อทรรศนะที่ตัวละครรายล้อมมีต่อดอนกิโฆเต้เสียมากกว่าการพัฒนาแง่มุมเชิงลึกของตัวละครหลัก

Don Quixote (1973) กำกับโดย Rudolf Nureyev

บัลเลต์ชุดนี้ ประพันธ์ดนตรีโดยคีตกวี เลอ็อง มิงคุส (Leon Minkus) และออกแบบท่าเต้นโดยนักบัลเลต์ชื่อดังชาวรัสเซีย รูดอล์ฟ นูเรเยฟ (Rudolf Nureyev) โดยอ้างอิงจากท่าเต้นฉบับดั้งเดิมของ มาริอุส เปติปา (Marius Petipa) การแสดงบัลเลต์ฉบับนี้ รูดอล์ฟ นูเรเยฟ ได้บันทึกเป็นภาพยนตร์เอาไว้เมื่อปี ค.ศ.1972 และมีโอกาสออกฉายตามโรงภาพยนตร์ทั้งในออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา

โดยเนื้อหานั้นมีการดัดแปลงเรื่องราวด้วยการสลับบทบาทให้ตัวละครรองอย่าง บาซิลิโอ (นำแสดงโดยรูดอล์ฟ นูเรเยฟเอง) คนรักหนุ่มของ คิทรี สาวชาวบ้านที่ดอนกิโฆเต้สำคัญผิดคิดว่าเป็นแม่หญิงดุลซิเนียมาเล่นเป็นตัวเอก ในขณะที่ตัวละครดอนกิโฆเต้ กลับทำหน้าที่เป็นเสมือนตัวร้ายคอยสร้างความวุ่นวายก่อกวนความสงบของชาวบ้านและรวมทั้งระรานความสัมพันธ์ของพระเอกและนางเอก

Honor de cavalleria (2006) กำกับโดย Albert Serra

ภาพยนตร์ร่วมสมัยจากสเปนที่ได้นำเอาตัวละครดอนกิโฆเต้ และ ซันโช ปันซา มาตีความใหม่ได้อย่างแปลกประหลาดพิสดาร เมื่อผู้กำกับ Albert Serra นำเสนอบุคลิกภาพของตัวละครทั้งสองอย่างสมจริงโดยการตัดเอาลีลาตลกโปกฮาทั้งหมดทั้งมวลออกไป คงเหลือไว้แต่เนื้อแท้ทางอารมณ์ของตัวละครที่อุดมไปด้วยความเป็นปุถุชน! กลายงานภาพยนตร์ Don Quixote ฉบับ minimalist ที่ทำออกมาได้ไม่เหมือนใคร และคงไม่มีใครจะหาญกล้าทำได้เสมอเหมือน ภาพยนตร์เรื่องนี้ติดอันดับหนึ่งในสิบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2007 โดยนิตยสารหนังชื่อดัง Cahiers du Cinema

คีตนิพนธ์ Don Quixote โดย Richard Strauss

บทคีตนิพนธ์ชิ้นนี้ ริคคาร์ด สเตร้าส์ ได้ประพันธ์ขึ้นในแบบฉบับของ Tone Poem หรือดนตรีออเคสตร้าเล่าเรื่องราว โดยใช้โครงสร้างการประพันธ์ที่ผสานระหว่างรูปแบบอิสระอย่างงานแนว Fantasy กับการแปลงทำนองแบบ Theme and Variations เข้าด้วยกัน ริคคาร์ด สเตร้าส์กำหนดให้เครื่องดนตรีเชลโลเป็นเครื่องดนตรีเอก แทนน้ำเสียงอันหนักแน่นจริงจังของตัวละครดอนกิโฆเต้ ประชันกับเครื่องดนตรีวิโอลา ทูบา และคลาริเน็ต ซึ่งจะมาแทนน้ำเสียงชวนขบขันของ ซันโช่ ปันซ่า

ดนตรีจะเสนอแนวทำนองหลักด้วยการแนะนำตัวละครสำคัญ หลังจากรุกเร้ากันด้วยจังหวะมาร์ชอันฮึกเหิมแล้ว ริคคาร์ด สเตร้าส์ก็เริ่มนำผู้ฟังเข้าสู่ภวังค์ของดอนกิโฆเต้ขณะกำลังอ่านนิยายวีรกรรมอัศวินด้วยท่วงทำนองอันเชื่องช้าสง่างามกันในทันที ก่อนที่จะเปิดโอกาสให้เครื่องดนตรีโอโบขับขานท่วงทำนองอันอ่อนหวานของ ดุลซิเนีย แม่หญิงในจินตนาการของดอนกิโฆเต้ ปิดท้ายของเสียงทูบาในจังหวะลีลาน่าขบขัน ซึ่งก็มิใช่ใครที่ไหนกัน เพราะเขาคือพ่อ ซันโช่ ปันซ่า ผู้ตะกละตะกรามนั่นเอง

หมายเหตุ: เรื่องย่อของบทประพันธ์ดอนกิโฆเต้และข้อมูลเกี่ยวกับงานศิลปะต่าง ๆ ในโปรแกรมนี้ ดัดแปลงจากบางส่วนของบทความฉบับเต็มชื่อ "บันทึกรอยเท้า ดอนกิโฆเต้ แห่งลามันช่า ในอาณาศิลปะ" โดย 'กัลปพฤกษ์' ซึ่งจะตีพิมพ์ในนิตยสารช่อการะเกด ฉบับที่ 45 กรกฎาคม - กันยายน 2551

จบจากละครเพลง สู่ฝันอันยิ่งใหญ่ (Man of La Mancha) ของ คณะละคร 28 และรัชดาลัยเธียเตอร์ แล้วก็อย่าลืมมาดูหนังชุด ดอนกีโฆเต้ ต่อกันได้เลย

คนลักหลับ

My photo
Filmvirus เป็นนามปากกาเดิมของสนธยา ทรัพย์เย็น จากคอลัมน์ “นิมิตวิกาล” ที่ใช้ในนิตยสาร Filmview ปี 2537 ต่อมาในปี 2538 สนธยาได้ก่อตั้ง “ดวงกมลฟิล์มเฮ้าส์” หรือ DK.Filmhouse (Filmvirus) จัดฉายหนังด้อยโอกาสให้ผู้สนใจชมฟรี พร้อมจัดพิมพ์หนังสือด้านหนัง และวรรณกรรม ชุด Filmvirus / Bookvirus (ส่วนหนังสือ “คนของหนัง” ปี 2533 นั้นเป็นผลงานก่อนตั้งฟิล์มไวรัส) ส่วนผลงานอื่นๆ ปี 2548 เป็นกรรมการเทศกาลหนัง World Film Festival of Bangkok , ปี 2552 กรรมการ Sydney Underground Film Festival, งาน Thai Short Film and Video Festival ของมูลนิธิหนังไทยครั้งที่ 1 และปี 2548-2549 เป็นเจ้าภาพร่วมจัดเทศกาลประกวดหนังนานาชาติ 15/15 Film Festival, Australia