29.11.10

โปรแกรมภาพยนตร์ ลาก่อน...ที่รัก Condolences Program

โปรแกรมภาพยนตร์ ลาก่อน...ที่รัก 
Condolences Program


 
CONDOLENCES PROGRAM 

 ปี 2010 เป็นปีอันโหดร้ายสำหรับวงการภาพยนตร์เมื่อเราต้องสูญเสีย ผู้กำกับ นักแสดง โปรดิวเซอร์คนทำงานเบื้องหลังชั้นเลิศไปแบบที่แทบจะเรียกว่ารายสัปดาห์ หรือพระเจ้าปราถนาจะไปสร้างโรงถ่ายบนสรวงสวรรค์จึงริบคืนผู้คนบนโลกภาพยนตร์ ไปเรียงตัวเช่นนี้  

ตามธรรมเนียมชาวพุทธถือผีแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะมีอะไรดีไปกว่าการทำพิธีสะเดาะเคราะห์ให้กับวงการภาพยนตร์โลกเล่า วิธีหนึ่งที่เป็นที่เลื่องลือว่าได้ผล ก็คือการแสร้งทำเป็นว่าตายเพื่อต่ออายุ ดังนั้น ดวงกมลฟิล์มเฮ้าส์ (ฟิล์มไวรัส) ร่วมกับ สำนักหอสมุดปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ขอเชิญทุกท่านร่วมปิดท้ายปีวิปโยคด้วยโปรแกรมสะเดาะเคราะห์ ฉายหนังคนตายในโปรแกรม

ลาก่อน...ที่รัก Condolences Program

Admission Free 
ชมฟรี ฉาย ที่ห้องเรวัติ พุทธินันทน์ ชั้นใต้ดิน U 2 ของ หอสมุดปรีดี พนมยงค์ (ตึกสีขาวสูงริมน้ำ) - มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ชมฟรี แต่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ห้องสมุดว่ามาชมภาพยนตร์)

วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม 2553 – 6 กุมภาพันธ์ 2554 ตั้งแต่ 12.30 น. และ 14.30 น. เป็นต้นไป (เวลาอาจขยับเปลี่ยนเล็กน้อยตามความยาวของหนังแต่ละเรื่อง)

12/12/53

1. CLAUDE CHABROL เจ้าพ่อหนังอาชญากรรมฝรั่งเศสและหนังผัวเมียแสยงอารมณ์


NADA (CLAUDE CHABROL /1974) 

Nada คือ ชื่อกลุ่มผู้ก่อการร้ายหัวเอียงซ้ายที่ประกอบด้วยสมาชิก 6 คนที่มีพื้นเพแตกต่างกันไป Diaz หัวหอกของกลุ่มวางแผนที่จะลักพาตัวท่าน ทูตอเมริกัน Richard Poindexter เพื่อจะเรียกร้องความสนใจจากมวลชน ส่วน Treuffaisdครูสอนปรัชญาขี้กลัว สมาชิกอีกคนของกลุ่มไม่ยอมเข้าร่วมฏิบัติการครั้งนี้และขอลาออก สมาชิกที่เหลือทั้งห้าประสบความสำเร็จในการลักพา Pointdexterไปกักตัวไว้ในบ้านไร่ไกล ผู้คน โชคร้ายที่พวกเขาไม่รู้เลยว่านายตำรวจหัวหน้าชุดปฏิบัติการไล่ล่าเห็นว่าการ กำจัดผู้ก่อการร้ายนั้นมีค่ากว่าการรักษาชีวิตท่านทูต! http://www.dailymotion.com/video/x7252x_1973-nada-sample-claude-chabrol_shortfilms


PLEASURE PARTY (CLAUDE CHABROL /1975) 

Phillipe และ Esther ดู เหมือนเป็นคู่ผัวตัวเมียในอุดมการณ์พร้อมลูกสาวหนึ่งคนนาม Elise และเพื่อจะ คงความสดใหม่เร้าใจในชีวิตคู่ Phillipe ติดว่าทั้งเขาและ Esther ควรจะคบชู้ ในขณะเดียวกันก็ต้องเอามาเล่าให้อีกฝ่ายฟังอย่างเปิดเผยด้วย ! หากใน ที่สุดแผนดังกล่าวกลับย้อนมาแผลงฤทธิ์กับพวกเขาเองนำพาเรื่องราวไปสู่โศกนาฏกรรมเมื่อ Phillipe ถูกกลืนกินด้วยแรงริษยาเสียเอง

หนังนำแสดง โดย Paul Gégauff มือเขียนบทคู่หูของ Chabrolเอง ตัวภรรยาและลูกสาวก็เป็นภรรยาและลูกสาวในชีวิตจริง (ซึ่งหย่ากันในช่วงที่ถ่ายทำหนัง) ที่ชวนขนหัวลุกคือหลังจากหนังฉายไปไม่กี่ปี ก็เกิดโศกนากฎกรรมกับครอบครัวนี้เข้าจริงๆ เมื่อเขาถูกภรรยาคนใหม่แทงจนถึงแก่ความตายเพราะความหึงหวง!
http://www.metacafe.com/watch/4881117/pleasure_party_movie_trailer/ 
 

19/12/53

2. ALAIN CORNEAU กับ 2 หนังอาชญากรรมระบบสตูดิโอขายดาราฝรั่งเศส


SERIE NOIRE (ALAIN CORNEAU /1979)

Frank Poupart เป็น เซลล์แมนขายของตามบ้านที่กำลังระหองระแหงกับภรรยาเจ้าอารมณ์ วันหนึ่งเขาเข้าไปตามทวงหนี้ลูกค้า แต่กลับพบกับยายแก่เจ้าของบ้านที่อาศัยอยู่กับหลานสาว ที่ยายใจโฉดยินดีขายแลกกับข้าวของ แทนที่จะมีอะไรกับสาวน้อย Frank สัญญาจะช่วยเธอให้พ้นจากยายแก่ใจยักษ์ เด็กสาวเองก็ถึงกับตามมาหาเขาที่บ้าน ทั่งคู่ยิ่งเตลิดไปใหญ่ เมื่อเมียเขาทิ้งเขาไป และเด็กสาวมาบอกความลับว่ายายแก่ซ่อนเงินจำนวนมากไว้ใต้เตียง Frankจึงคิดแผนอาชญากรรมขึ้น ซึ่งนั่นทำให้เรื่องทั้งหมดยุ่งเหยิงขึ้นไปเรื่อยๆ และเจ็บปวดมากขึ้นทุกที 

หนังฝรั่งเศสเรื่องนี้ดัดแปลงอย่างยอดเยี่ยมและจบสวยกว่าต้นแบบนิยายอเมริกันเรื่อง POP 1280 ของนักเขียนอาชญากรรมเกรดบีตัวเอ้ Jim Thompson (ไม่เกี่ยวกับคนที่ขายผ้าไหมเมืองไทย) ซึ่งแต่งเรื่อง The Grifters และ The Killer inside Me  
 

LA MENACE (ALAIN CORNEAU /1977)

หนัง เล่าเรื่องของ Dominique สาวเจ้าของธุรกิจรถบรรทุกที่เธอร่วมบริหารกับแฟนหนุ่ม แต่โดยที่เธอไม่ระแคะระคาย แฟนเธอแอบกิ๊กอยู่กับ Julie สาวแคนาดาทั้งๆ ที่เธอกำลังตั้งท้องลูกของเขาอยู่ Henri ตัดสินใจบอกเลิก Dominique ซึ่งนั่นทำให้เธอตามไปหาเรื่อง Julie หลังจากทะเลาะตบตีกัน Dominique โดดตึกฆ่าตัวตายตำรวจสงสัยว่า Julie เป็นฆาตกรฆ่า Dominique เพื่อช่วยคนรัก Henri ถึงกับปลอมหลักฐานให้ตัวเองมีส่วนร่วมในการฆาตกรรมด้วย เมื่อ Julieหลุดจากการเป็นผู้ต้องหา แผนของเขาคือการจัดฉากความตายให้ตัวเองหมายจะไปเริ่มชีวิตใหม่กับ Julie ที่แคนาดา แต่แผนก็มักมีผิดพลาดเสมอ

26/12/53

3. WERNER SCHROETER - เยอรมันออเตอร์นอกกรอบทุกกระเบียด


DEUX (WERNER SCHROETER /2002)

ภาพยนตร์ ‘อัตชีวประวัติเหนือจริง’ (surrealist autobiography) โดย Werner Schroeter เล่าเรื่องของตัวเขาเอง แต่แบ่งตัวเองออกเป็นตัวละครหญิงสองตัวที่เป็นฝาแฝดซึ่งไม่เคยรับรู้การมี อยู่ของกันและกัน (ทั้งคู่รับบทโดย Isabelle Huppert เจ้าแม่หนังจิตพล่านของฝรั่งเศส) หนังตัดสลับระหว่างชีวิตของสองสาวกับแม่ของเธอ ด้วยวิธีการที่หลุดพ้นไปจากการเล่าเรื่องที่คุ้นเคย ทั้งการใช้รูปแบบเหนือจริง และการแสดงแบบละครเวทีผสมโอเปร่า ไปสุดขอบเท่าที่ความเป็นพล็อตจะพาหนังไปได้ ทั้งหมดคือห้วงความทรงจำที่ Schroeter มี ทั้งต่อชีวิตของเขาเองและงานศิลปะที่มีอิทธิพลต่อตัวเขา โดยไม่จำเป็นต้องอ้างอิงความเป็นเหตุเป็นผล หรือเป็นเรื่องเป็นราว ที่คืองานที่สุดขอบในทุกกรณีซึ่งรวมถึงการแสดงที่น่าจดจำของHuppert ด้วย

DAY OF THE IDIOTS (WERNER SCHROETER/1981)

 หนัง เล่าเรื่องของ Carole หญิงสาวผู้รู้สึกแปลกแยกกับสังคมอย่างรุนแรง เธอทั้งไม่สามารถเข้ากับผู้อื่นและไม่สามารถเข้าถึงความรู้สึกของชายหนุ่มคน รักได้เลยแม้แต่น้อย และเพื่อเรียกร้องความสนใจ เธอกล่าวหาว่าเพื่อนบ้านของเธอเป็นผู้ก่อการร้าย (ในส่วนนี้ Schroeter ฉายภาพอาการวิตกจริตของคนเยอรมันที่ถูกสร้างขึ้นโดยรัฐบาลเยอรมันเพื่อตอบโต้การก่อการร้ายในช่วงปี 1977) ซึ่งนั่นทำให้เธอถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลบ้า แน่นอนว่าหนังไม่ได้เล่าเรื่องอย่างตรงไปตรงมา และดูเหมือนว่าหนังไม่ได้พูดผ่านตัวเรื่องอีกต่อไป หากพูดผ่านร่างกายของCarole การตอบสนองของเธอ การแสดงออกทางสีหน้าของเธอ ท่าทางของเธอ

นำแสดงโดย Carole Bouquet นักแสดงจากหนังเซอร์แตกของ Luis Bunuel อีกทั้งเธอยังเคยเป็นนางแบบให้เครื่องสำอางลังโคม และเป็นนางเอกหนัง เจมส์ บอนด์ เรื่อง For Your Eyes Only 


9/1/54

4. CHRISTOPH SCHLINGENSIEF คนทำหนังใต้ดินเยอรมันตัวจริง


DIE 120 TAGE VON BOTTROP (CHRISTOPH SCHLINGENSIEF/1997)

หนัง เล่าเรื่องของผู้กำกับเยอรมันที่คิดจะรีเมค SALO ของ ปิแอร์ เปาโล ปาโซลินี่ ไม่ต้องกล่าวให้มากความ ไม่มีอะไรเป็นไปตามแผนเลยสักนิด บางทีกระทั่งการฆ่าตัวตายยังอาจนับเป็นปัญหาจิ๋วๆในเรื่องนี้!


100 YEARS OF ADOLPH HITLER (CHRISTOPH SCHLINGENSIEF /1988)

หนัง เล่าเรื่องชั่วโมงท้ายๆในชีวิตของฮิตเลอร์ ถ้าจะเล่าเรื่องก็คงมีแค่นี้ เพราะที่เหลือคือความบ้าคลั่งของนักแสดงที่มารับบทผู้คนรอบข้างชีวิตฮิตเลอร์ อธิบายไม่ได้ ไม่มีเหตุผล มีแต่ความบ้าคลั่งสุดขอบในห้องปิดตาย หนังถ่ายทั้งหมดในบ้านร้างหรืออะไรสักอย่างโดยไม่ต้องจัดไฟ แต่ใช้แสดงสปอตไลท์คอยส่องตามนักแสดงที่กระทำการบ้าคลั่งแบบไม่ยั้งมือไป เรื่อยๆ นี่คือหนังแบบที่จินตนการไม่ได้อธิบายไม่ถูก ซึ่งดัดแปลงจากละครเวทีของ Schlingensief เอง และเป็นหนึ่งในสามหนังไตรภาคเยอรมันที่มุ่งร้ายหมายขวัญบรรดาอนุรักษ์นิยมในเยอรมัน (จนผู้กำกับกลายเป็นไอ้ตัวแสบแห่งเยอรมัน) อันประกอบด้วยเรื่องฮิตเลอร์ในเรื่องนี้ เรื่องการก่อการร้ายใน Terror 2000 และ เรื่องกำแพงเบอร์ลินใน THE GERMAN CHAISAW MASSACRE

 

16/1/54

5. ERIC ROHMER เจ้าพ่อหนังฝรั่งเศสชุดจริตเร้นซ่อนใจ

THE GREEN RAY (ERIC ROHMER /1986)

(คำเตือน : อย่าด่วนสรุปเพียงจากการอ่านเรื่องย่อ เพราะเสน่ห์ของหนังของ เอริค โรห์แมร์ นั้นอยู่ที่รายละเอียด) หลังจากโดนเพื่อนคู่หูที่นัดแนะกันไว้อย่างดีเบี้ยวนัดเที่ยววันหยุด Delphine เลาขุนาการิณีสาวปารีเซียงไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิต เธอไม่อยากไปเที่ยวเพียงลำพัง แต่เธอก็ยังไม่มีแฟนจะไปด้วย แล้วยังดูเหมือนจะไร้หนทางจะเจอเพื่อนใหม่ เพื่อนเธอคนหนึ่งพาเธอไปเที่ยวเมือง Cherbourg ไปอยู่ได้ไม่กี่วันเธอก็หนีกลับมานั่งเศร้าที่ห้อง จากนั้นเธอลองไปเที่ยวเทือกเขา Alps แต่พอไปถึงก็กลับมาเลยในวันเดียว จากนั้นเธอลองไปชายทะเลดูบ้าง ไปได้เพื่อนใหม่เป็นสาวสวีเดนไวไฟซึ่งดูจะเป็นคู่หูที่สนุกสนาน แต่ฉับพลันทันใด แม่ Delphine ก็ทิ้งทุกสิ่งแล้วกลับปารีส ที่สถานีรถไฟเธอพบกับหนุ่มหล่อที่แอบจ้องมองหนังสือดอสโตเยฟสกี้ในมือเธอ พ่อหนุ่มกำลังจะไปพักร้อนที่เมืองเล็กๆ แถวๆนี้ ขณะที่เธอกำลังจะกลับปารีส บางทีเขาอาจเป็นเพื่อนเธอไปดูรังสีมรกตในทะเลที่เธอไม่รู้จักก็ได้ แต่บางทีไอ้นี่ก็คงเหมือนคนอื่นๆ เหมือนกันก็ได้ ของแบบนี้ใครจะไปรู้

FOUR ADVENTURES OF REINETTE AND MIRABELLE (ERIC ROHMER/1987)

นี่คือเรื่องของสองสาว Reinette สามบ้านนอก และ Mirabelle สาวปารีสที่เจอกันโดยบังเอิญในช่วงวันหยุดเมื่อ Reinette ช่วย Mirabelle ซ่อมจักรยาน และพาเธอไปเที่ยวชมความงดงามของธรรมชาติ รวมถึงพาเธอไปรู้จักับ ‘โมงยามสีคราม ( The Blue Hour)’ ทั้งคู่พูดคุยกันถูกคอกันจนถึงขนาดตกลงใจไปเช่าแฝลตอยุ่ด้วยกันใน ปารีสตอนทีทั้งคู่ไปเข้ามหาลัย แต่มันเป็นเรื่องยากที่คนสองคนที่บุคลิกแจตกต่างกันมากจะมาอยุ่ด้วยกันใน เมื่อ Reientte นั้นเป็นคนเรียบๆกหากกระตืรื้อร้นผิดกับ Mieabelle ที่เป็น คนซับซ้อนและเกียจคร้าน

23/1/54

6. ARTHUR PENN อินดี้อเมริกันยุค 60 ผู้สร้าง Bonnie and Clyde


THE CHASE (ARTHUR PENN/1966)

มันเป็นเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบ ผู้คนในเมืองดูเป็นคนดีแต่งตัวสวยงามพูดจาสุภาพ มีเศรษฐีน้ำมันเป็นนายทุนใหญ่ของเมืองทำทั้งน้ำมัน และ ธนาคาร ชนชั้นกลางในเมืองทำงานขยันแข็งตกเย็นวันเสาร์ไปนั่งร้านเหล้าจัดงาน ปาร์ตี้ นายอำเภอหนุ่มห้าวหาญเข้มแข็งพร้อมจะปฏิบัติงานตลอดเวลา ทุกอย่างดูสงบสวยงามเหมือนในฝันจนกระทั่งข่าวการแหกคุกของ บับบ้า รีฟส์ ที่เป็นอดีตเด็กเกเรของเมือง เดินทางมาถึงเราจึงได้เห็นอีกด้านหนึ่งของเมืองนี้ เพราะนายอำเภอแท้จริงแล้วเป็นหนี้ Val Rogers นายทุนใหญ่ เขาเป็นนายอำเภอเพื่อหวังจะเก็บเงินไถ่ฟาร์มคืนแล้วจะได้ไปมีชีวิตสมถะ Val Rogers มีปัญหากับลูกชายที่มองว่าไม่เอาไหน ลูกชายของเขาแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งและรักผู้หญิงอีกคนที่เป็น-หญิงต้อง ห้าม- พนักงานธนาคารลักลอบเป็นชู้กัน มีทัศนคติเหยียดผิวอย่างรุนแรง ทุกคนมีปืนในครอบครอง และหนังเล่าเรื่องเวลาเพียงหนึ่งวัน ค่อย ๆ เพิ่มความกดดันจนในคืนวันเสาร์นั้นเอง เมืองทั้งเมืองบ้าบอไปจนถึงขั้นสติแตก โดยมี บับบ้า เป็นเครื่องสังเวยทางศีลธรรมจอมปลอมของผู้คน  
 

MICKEY 1 (ARTHUR PENN/ 1965)

นี่อาจจเป็นหนังที่แปลกหูแปลกตามากที่สุดสำหรับแฟนๆของ ARTHUR PENN ที่คุ้นชื่อของเขาจากหนังรางวัลออสการ์ Bonnie and Clyde หรือ The Miracle Worker เพราะนี่คือหนังที่ Penn สร้างโดยได้รับอิทธิพลจากกลุ่ม French New Wave !

รูปหล่อ Warren Beatty รับบทนักแสดงตลกตามไนต์คลับ ซึ่งบังเอิญหลุดเข้าไปในโลกประหลาดที่มีทั้ง ม็อบอันโกรธแค้น นักสอนศาสนาข้างถนน พวกนักดนตรีกลางคืนที่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง และต้องเผชิญหน้ากับปีศาจในตัวเขาเอง!

 

30/1/54

7. DENNIS HOPPER + WILLIAM LUBTCHANSKY หนังของนักแสดงอเมริกันระดับตำนาน Easy Rider และตากล้องแนวหน้าของหนังฝรั่งเศส


THE LAST MOVIE (DENNIS HOPPER/1971)

หนัง เล่าเรื่องของ Kansas ชายหนุ่มที่รับผิดชอบเรื่องที่มีนักแสดงตายคากองถ่ายในเปรู เขาตัดสินใจออกจากกองถ่าย และปักหลักอยู่ในเปรูกับ Maria โสเภณีประจำหมู่บ้าน แรกทีเดียวเขาคิดว่านี่คือสรวงสวรรค์กระทั่งเขาถูกเรียกตัวไปช่วยในกองถ่าย ประหลาดซึ่งเป็นกองถ่ายหนังของชาวพื้นเมืองเปรูที่คิดจะถ่ายหนังจากกล้องที่ทำด้วยไม้ โดยที่ที่จริงแล้งบรรดาชาวเปรูเหล่านั้นหาได้เข้าใจความแตกต่างของหนังกับชีวิตจริงเลยแม้แต่น้อย

DUELLE (UNE QUARANTINE) (JACQUES RIVETTE/1976)

เราขอตั้งชื่อไทยของหนังเรื่องนี้ว่า 'ศึกเจ้าแม่ตะวันจันทรามหาภัย!' เพราะนี่คือหนังแบบที่เราจะเห็นก็แต่ในพล็อต ของหนังกำลังภายในเท่านั้น พลอตของหนังคือการชิงความเป็นใหญ่ในการตามหาหินวิเศษ ระหว่างเจ้าแม่ตะวัน (บูล โอลเจียร์ ในชุดสีแดงเพลิงหรือ ทอง ) และเจ้าแม่จันทรา (จูเลีย แบร์โตในชุดสีน้ำเงิน เงิน ม่วง) ทั้งสองเจ้าแม่เสด็จลงมาบนโลกมนุษย์ในคืนเพ็ญแรกของฤดูใบใบไม้ผลิเพื่อตามหา หินวิเศษที่จะช่วยให้พวกนางมีชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์ได้ยาวนานขึ้น วิธีการนั้นหรือก็คือการร่ายมนต์ใส่มนุษย์ทั้งหลายให้กลายเป็นข้าช่วงใช้ออก ตามล่าหาหินวิเศษซึ่งอยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่งในเหล่าตัวละครนั่นแหละ

พลอ ตอาจจะฟังดูอลังการงานสร้างแต่ตัวหนังราวกับเป็นฉบับทำเองก็ได้ง่ายจังเพราะ ที่เราจะได้เห็นคือบรรดาตัวละครในเครื่องทรงอลังการ เดินกรีดกรายไปมาในฉากที่เหมือนเมืองแถวบ้าน สเปเชียลเอฟเฟคต์เป็นสิ่งเกินจำเป็น อาศัยแค่การจัดไฟ การตัดต่อ และการแสดงท่าทางง่ายๆก็สร้างมนต์ขลังได้โดยไม่ต้องพึ่งพาโปรแกรม คอมพิวเตอร์แต่อย่างใด บรรดาดาราก็พาเหรดกันมาวางท่าเขื่องโข กรีดกรายกรุ้มกริ่มชนิดไม่มีใครยอมแพ้ใคร (โดยเฉพาะสองราชินีที่มีรัศมีแบบกลืนกันไม่ลง คนหนึ่งในแสงและอีกคนในความมืด

 

6/2/54

8. DINO De LAURENTIIS + LUIS GARCIA BERLANGA โปรดิวเซอร์หนังระดับตำนานชาวอิตาลี่และผู้กำกับสเปนที่ถูกหลงลืม


EUROPA’51 (ROBERTO ROSSELLINI/1952) 

Ingrid Bergman นักแสดงคู่บุญของ Roberto Rosellini รับบทหญิงสาวที่ชีวิตล่มสลายหลังการฆ่าตัวตายของลูกชายของเธอ และเพื่อที่จะทำให้ชีวิตมีคุณค่าบ้าง เธอเดินทางไปเป็นนางพยาบาลดูแลคนไข้ในในกรุงโรม หากสามีของเธอเห็นว่านี่เป็นงานที่ต่ำทราม และเมื่อโอกาสมาถึงเขาก็พยายามจะจับภรรยาตัวเองเข้าโรงพยาบาลบ้า

THE EXCUTIONER (LUIS GARCIA BERLANGA/1963)

หนังเล่าเรื่องของเพชฌฆาตวัยใกล้เกษียณ ที่นึกสงสัยว่าหลังจากนี้ใครจะเข้ามารับตำแหน่งนี้แทนเขา เขามีลูกสาวอยู่คนหนึ่งแต่โชคร้ายที่ดูเหมือนเธอจะต้องขึ้นคานเพราะมีพ่อ เป็นเพชฌฆาต บรรดาหนุ่มๆ ที่มาจีบต่างแขยงความจริงในข้อนี้จนหนีไปหมด นั่นจนกระทั่งมีชายหนุ่มหน้าใหม่เข้ามาในเมือง ชายหนุ่มแสนดี ประเภทที่ไม่มีใครจะอยากแต่งงานด้วยเหมือนกัน เพราะเขาเล่นประกอบอาชพเป็นสัปเหร่อ ทุกอย่างดูลงล๊อคเขาทีถ้าไม่เพียงแต่ว่า เขามีข้อแม้ว่าจะยกลูกสาวให้ก็ต่อเมื่อชายหนุ่มหันมารับหน้าทีเพชฌฆาตแทน เมื่อเขาเกษียณอายุเท่านั้นเอง

คนลักหลับ

My photo
Filmvirus เป็นนามปากกาเดิมของสนธยา ทรัพย์เย็น จากคอลัมน์ “นิมิตวิกาล” ที่ใช้ในนิตยสาร Filmview ปี 2537 ต่อมาในปี 2538 สนธยาได้ก่อตั้ง “ดวงกมลฟิล์มเฮ้าส์” หรือ DK.Filmhouse (Filmvirus) จัดฉายหนังด้อยโอกาสให้ผู้สนใจชมฟรี พร้อมจัดพิมพ์หนังสือด้านหนัง และวรรณกรรม ชุด Filmvirus / Bookvirus (ส่วนหนังสือ “คนของหนัง” ปี 2533 นั้นเป็นผลงานก่อนตั้งฟิล์มไวรัส) ส่วนผลงานอื่นๆ ปี 2548 เป็นกรรมการเทศกาลหนัง World Film Festival of Bangkok , ปี 2552 กรรมการ Sydney Underground Film Festival, งาน Thai Short Film and Video Festival ของมูลนิธิหนังไทยครั้งที่ 1 และปี 2548-2549 เป็นเจ้าภาพร่วมจัดเทศกาลประกวดหนังนานาชาติ 15/15 Film Festival, Australia