21.9.09

Bad Lieutenant: Port of Call New Orleans (หนังท้าชนของ Werner Herzog และ Nicholas Cage) ก่อนการดัดแปลง The Piano Tuner ของ Daniel Mason

ตำรวจโฉด ผู้กำกับเถื่อนมาพบกันใน Bad Lieutenant: Port of Call New Orleans

(งานหักดิบของ Werner Herzog ทำหนังมามากกว่า 40 ปี แต่จะได้ฉายในโรงเมืองไทยมากกว่าหนึ่งโรงก็ด้วยเรื่องเนี้ย? เพราะบารมีของ นิโคลาส เคจ?)

ได้ข่าวว่าเรื่องนี้อาจจะเข้าโรงเดือนตุลาคม ทั้งยังได้ข่าวว่าอาจจะเป็นหนังเปิดเทศกาลหนังกรุงเทพ ฯ ปี 2009 ในวันที่ 24 กันยายนนี้ด้วย และตามธรรมเนียมของหนังเปิดเทศกาลมันไม่น่าจะเป็นหนังดีแบบที่คอหนังอาร์ตชื่นชม

ตั้งแต่ประกาศสร้างมันก็ส่อแววล่มแล้ว เพราะชื่อมันดันขึ้นต้นด้วย Bad Lieutenant ซึ่งเป็นชื่อหนังเก่าของ อเบล แฟร์ราร่า (Abel Ferrara) หนังรุนแรงโชว์ของที่นำแสดงโดย Harvey Keitel (คนดูบ้านเราน่าจะรู้จักเขาจาก Mean Streets, Reservoir Dogs, The Piano มากกว่า) บางคนเรียก Bad Lieutenant ฉบับนี้ว่าหนังคลาสสิก บางคนเรียกว่าหนังคัลท์ ส่วนผมเรียกว่าหนังดิบที่น่าสนใจ แต่ไม่ใช่หนังที่พิศวาสเป็นพิเศษ

แล้วฉบับสร้างใหม่ นี่มันหนังรีเมค หรือหนังเกรดบีของคนคิดสั้นกันแน่

คงไม่ฮือฮาป่าแตก หากชื่อที่มาแปะ ไม่ใช่ชื่อของ นิโคลาส เคจ และ แวร์เนอร์ แฮร์โซก (Werner Herzog)

เกิดอะไรขึ้นกับ Werner Herzog ผู้กำกับหนังคลาสสิกชาวเยอรมันระดับปรมาจารย์ ของหนัง Aguirre, Wrath of God, Fitzcarraldo, The Enigma of Caspar Hauser, Fata Morgana, The Wild Blue Yonder รวมทั้งหนังสารคดีชั้นดีอีกเพียบอย่าง Land of Silence and Darkness (อ่านที่ผมเขียนในหนังสือ 151 Cinema), Little Dieter Need to Fly, La soufrière, Grizzly Man และอื่น ๆ อีกมาก

ผมเคยเขียนเกี่ยวกับ แวร์เนอร์ แฮร์โซก ไว้ในพ็อคเก็ตบุ๊คของ openbooks ชื่อ The 8 Masters : 8 ผู้กำกับภาพยนตร์โลกระดับบรมครู ดูรายละเอียดที่นี่: http://openbooks.tarad.com/product.detail_0_th_1037515

เป็นไปได้ไหมที่ Werner Herzog อยากจะ re-invent ภาพตัวเองใหม่เป็นคนทำหนังที่ “ทำได้สำเร็จ” ในฮอลลีวู้ด หรือ แวร์เนอร์ อยากได้สตางค์ซื้อบ้านใหม่ให้เมียที่แอลเอ หรือเขาอยากพิสูจน์ว่าเขาสามารถตีลังกาพลิกแพลงสูตรหนังตำรวจโฉดอาชญากรชั่วให้คนดูหนังตกใจจนตั้งตัวไม่ติด

ในฐานะที่ผมติดตามดูหนังแทบทุกเรื่องของ แวร์เนอร์ เขียนบทความเกี่ยวกับตัวเขาก็หลายครั้ง แถมยังถ่อไปดูตัวจริงมาอีกถึงสองครา ทั้งที่ลอนดอนและที่เชียงใหม่ (ตอนเขามาถ่าย Rescue Dawn กับ Christian Bale) หนัง Bad Lieutenant ฉบับใหม่นี้จะออกหมู่ออกจ่าก็ต้องตามไปดูละท่าน ถึงจะส่อกลิ่นไม่ชอบมาพากลไปสักหน่อย ว่าลุง แวร์เนอร์ จะรอดเหรอ ทำหนังแอ็คชั่นฮอลลีวู้ด นี่มันจะเป็นหนังของคนคนเดียวกับที่กำกับ Klaus Kinski ถางป่าแล้วเอาโอเปร่าไปแสดง ตะลุยลำน้ำอเมซอน ฝ่าดงป่า ลุยภูเขาหิมะ ตามไปถ่ายภูเขาไฟระเบิดแน่เหรอ กระทั่งชนะรางวัลมากมายตามเทศกาล รวมทั้งเข้าชิงรางวัลออสการ์ปีที่แล้วจากหนังสารคดี Encounters at the End of the World อีกล่ะ

แล้วนี่อาจเป็นครั้งแรกที่ นิโคลัส เคจ อาจส่งให้หนังลุงแวร์เนอร์ ได้ฉายในโรงแบบซีนีเพล็กซ์เป็นครั้งแรก (คราวสารคดี Grizzly Man ไม่นับเพราะฉายที่ลิโด้)

ตอนประกาศข่าวสร้างปั๊ปก็มีข่าวเหน็บแนมกันของสองฝ่าย ฝ่ายผู้กำกับฉบับดั้งเดิมที่อวยพรให้ทีมงานสร้างเรื่องใหม่ไปตกตายตามกันเสียไว ๆ กับ แวร์เนอร์ แฮร์โซก ผู้กำกับฉบับใหม่ที่ยืนยันว่าไม่ใช่หนังรีเมค ตัวละครนำที่เป็นตำรวจเถื่อนไม่ใช่ตัวเดียวกัน ฉากก็ไม่ใช่นิวยอร์ค แต่เป็นนิวออร์ลีนส์ เพียงแต่ชื่อหนังท่อนแรกที่ถูกโปรดิวเซอร์เจาะจงมาเท่านั้น นอกจากนั้นไม่ได้มีอะไรเหมือนกันเลย ที่สำคัญคือ แฮร์โซก ยืนยันว่า เขาไม่เคยดูหนังของ อเบล แฟร์ราร่า (Abel Ferrara) อีกทั้งยังไม่เคยได้ยินชื่อของหมอนี่มาก่อนอีกต่างหาก

พูดแค่เท่านี้ก็เป็นเรื่อง สื่อชอบ คอหนังฉบับเดิมครางฮืด

ไม่กี่เดือนผ่านไป แวร์เนอร์ ถ่ายหนังเสร็จเร็วเหมือนทุกครั้ง จากนั้นถ่ายต่องานเรื่องใหม่ My Son, My Son, What Have Ye Done กับโปรดิวเซอร์ เดวิด ลิ้นช์ (David Lynch) ทันที (ได้ข่าวว่า 2 ปรมาจารย์ตั้งใจพิสูจน์ให้วงการหนังรู้ว่า สามารถทำหนังดีได้โดยใช้งบไม่เกิน 2 ล้านเหรียญ) จนกระทั่งตอนนี้หนังทั้งสองเรื่องได้ออกฉายและเข้าประกวดแล้วที่เทศกาลเวนิซ ตามด้วยเทศกาลหนังโตรอนโต้ เสียงวิจารณ์มีทั้งชื่นชมและไม่สบอารมณ์ และที่งานเมืองเวนิซ แวร์เนอร์ เอ่ยปากชวน แฟร์ราร่าผ่านสื่อด้วยว่าอยากเชิญชวนให้มาดูหนังเอง พิสูจน์ด้วยตาว่าไม่ใช่งานรีเมค แล้วมานั่งกรึ๊บแชมเปญด้วยกัน ซึ่งพอนักข่าวไปถามทาง แฟร์ราร่าบ้าง รายนั้นก็บอกว่าที่เคยสาปส่งน่ะ ไม่รวมตัวแวร์เนอร์กับ นิโคลัส เคจ แต่เจาะจงเฉพาะที่ตัวโปรดิวเซอร์ ที่บังอาจเอาชื่อหนังมาหากินใหม่ ตามด้วยคำที่ว่าเขาไม่ดื่มแชมเปญ ดื่มแต่บัดไวเซอร์

ระหว่างรอชมหนังในโรงด้วยใจระทึก ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า แวร์เนอร์ อาจไม่รู้จัก แฟร์ราร่า แต่แน่นอนว่า แฟร์ราร่าต้องเคยรู้จัก แวร์เนอร์ ชัวร์ เพราะในหนังปี 1993 ของ เฟอร์ราร่าเรื่อง Dangerous Game (หรืออีกชื่อคือ Snake Eyes) ที่เคยฉายโรงและออกวีดีโอเทปบ้านเรา มีฉากที่ ฮาร์วี่ย์ ไคเธล หรือ มาดอนน่า ใครสักคนนี่แหละเปิดทีวีแล้วมีภาพ แวร์เนอร์ จากสารคดี Burden of Dreams ของ Les Blank (ที่ตามไปถ่ายเบื่องหลังกองถ่าย Fitzcarraldo ของ แวร์เนอร์ ในป่าอเมซอน) แล้วภาพ แวร์เนอร์ ในทีวีให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความมหัศจรรย์และอันตรายของป่าดงดิบซึ่งหาความโรแมนติกไม่เจอเลย (ประโยคคล้าย ๆ กันนี้ แวร์เนอร์พูดอีกครั้งในสารคดีเรื่องดัง Grizzly Man เมื่อหลายปีต่อมา)

ไม่เขื่อก็ต้องเชื่อ ขณะที่เขียนข้อมูลนี้เพิ่งรู้ว่า Werner Herzog มีหนังเข้าฉายที่เทศกาลหนังเวนิซเป็นเรื่องที่สามในปีเดียวกัน! คือหนังสั้นโอเปร่าเรื่อง La bohème เป็นที่รู้กันว่า Werner ชอบโอเปร่ามาก เคยไปกำกับโอเปร่าของจริงบนเวทีหลายประเทศมาก็หลายครั้ง แต่คราวนี้เป็นครั้งแรกที่ถ่ายลงฟิล์ม! งานนี้เป็นการจ้างของ English National Opera ซึ่งจ้างศิลปินอย่าง Sam Taylor Wood และ Dougal Wilson มาทำหนังโอเปร่าคนละตอน มีตัวอย่างของ แวร์เนอร์ ให้ดูด้วยที่นี่:
http://latimesblogs.latimes.com/culturemonster/2009/09/werner-herzog-takes-la-boh%C3%A8me-to-ethiopia-in-short-film.html

ป่านนี้ คาดว่าเขาคงเริ่มงานกำกับ The Piano Tuner ของ เดเนียล เมสัน แล้วมั้ง (นิยายเรื่องนี้มีแปลเป็นภาษาไทยด้วยในชื่อ เปียโนจูนเนอร์ แปลโดย ศิริรัฐ ทองใหญ่ ณ อยุธยา, สำนักพิมพ์ซิลค์เวอร์ม) แนวเรื่อง เปียโนจูนเนอร์ นี่ดูเข้าทางถนัด แวร์เนอร์ อยู่แล้ว เพราะเกี่ยวกับคนขาวในแดนตะวันออก

มีคลิปล้อเลียน Werner Herzog ออกรายการทีวี สอนทำกับข้าวด้วย ฮามาก ถ้ารู้จักหนังของเขา (โดยเฉพาะถ้าเคยดู Werner Herzog Eats His Shoe)
http://www.funnyordie.com/videos/be11417a8e/cooking-with-werner-herzog-and-special-guest-jim-jarmusch และมีอีกอันหนึ่งกับ Joaquin Phoenix ด้วย

มีบล็อกของ Werner Herzog ที่นี่ http://thewernerhrzogarchive.blogspot.com/

หมายเหตุ DVD และ VCD หนังแวร์เนอร์ แฮร์โซก
นอกจาก Rescue Dawn ที่ คริสเตียน เบล นำแสดง จะเป็นหนังที่หาดูดีวีดีบรรยายไทยถูกลิขสิทธิ์ได้ไม่ยากแล้ว ยังมีหนังของ แวร์เนอร์ แฮร์โซก อีกสองเรื่องที่ออกเป็นวีซีดีพากย์ไทย รายละเอียดอ่านที่บล็อก นิมิตวิกาล: http://twilightvirus.blogspot.com/2008/01/werner-herzog.html

6.9.09

Reality Filmmaker Project - รายการ "ทำฝันให้เป็นหนัง"

Reality Filmmaker Project

รายการ “ทำฝันให้เป็นหนัง” (Reality Filmmaker) เป็นรายการทีวีทางอินเตอร์เน็ตในรูปแบบของเรียลลิตี้โชว์ ที่จะเปิดให้ผู้ชมทางบ้านสมัครเข้ามาแข่งขันเพื่อคัดเลือกเพียง 15 คนในรอบแรก ที่จะได้รับการอบรมการทำหนัง และคัดให้เหลือเพียง 5 คนสุดท้ายเพื่อ ที่จะได้รวมตัวกันเป็นทีมผลิตหนังสั้นที่มีคุณภาพสูงภายใต้การดูแลและควบคุมจากผู้ เชี่ยวชาญในวงการภาพยนตร์อิสระ และ อิเล็คทริคอีลฟิล์ม (โดย อโนชา สุวิชากรพงศ์)

กติกา (Season ที่ 1 นี้ขอรับเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล)

1.ผู้เข้าแข่งขันอยู่ในช่วงอายุ 18-25 ปี
2.ส่งจดหมายแนะนำตัวเองว่าทำไมคุณควรได้รับเข้าเป็นส่วนหนึ่งในรายการพร้อมทั้งแนบรูปถ่ายรวมถึงระเอียดของผลงานที่ผ่านมาด้วย
3.เลือกตำแหน่งที่อยากทำมากที่สุดดังต่อไปนี้ -Director / ผู้กำกับ -Producer / ผู้ควบคุมการผลิต -Assistant Director / ผู้ช่วยผู้กำกับ -Sound / เสียง -Cinematographer / ตากล้อง
4.ส่งเรื่องย่อของหนังสั้นที่อยากทำ ขนาดความยาวไม่เกิน 1 หน้า A4
5.ส่งเอกสารทั้งหมดข้างต้น มาที่ electrcieelfilms@gmail.com หรือ บริษัท อิเล็คทริคอีลฟิล์ม จำกัด 15/6 อาคารอาณารักษ์ สีลม ซอย 3 แขวงสีลมเขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500 (Tel: 02-6670177)
6.กรุณาติดตามรายละเอียดต่างๆ เพิ่มเติมอย่างใกล้ชิดที่ www.electriceelfilms.com
7. เริ่มรับสมัครตั้งแต่วันนี้ จนถึง 25 กันยายน 2552 โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น !!!

สำหรับรายชื่อของวิทยากรที่จะมาให้ความรู้กับผู้เข้าร่วมรายการประกอบไปด้วยรายนามดังต่อไปนี้

- พี่จุ๊ก อาทิตย์ อัสสรัตน์ (ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง Wonderful Town) - พี่ใหม่ อโนชา สุวิชากรพงศ์ (ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง Graceland, เจ้านกกระจอก) - พี่ทองดี โสฬส สุขุม (โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์เรื่อง Wonderful Town, เจ้านกกระจอก) - พี่ปิง ม.ร.ว.อัมพรพล ยุคล (ผู้กำกับภาพเรื่อง Wonderful Town) - ปุ่น ธัญสก พันสิทธิวรกุล (ผู้กำกับหนังอิสระ เจ้าของรางวัลศิลปาธรปี 2551) - พี่แอน โสรยา นาคะสุวรรณ (ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง Final Score) อยู่ระหว่างการติดต่อ - พี่ลี ชาตะเมธีกุล (ผู้ลำดับภาพ แสงศตวรรษ, Wonderful Town, เจ้านกกระจอก) - พี่น้ำ แม่น้ำ ชากะสิก (ผู้ช่วยผู้กำกับ Wonderful Town, เจ้านกกระจอก) - พี่เก่ง ฑีฆะเดช วัชรธานินทร์ (ผู้ควบคุมการบันทึกเสียงหนังอิสระ) - พี่เคี้ยง ไพสิฐ พันธุ์พฤกษชาติ (ผู้ออกแบบเสียงหนังอิสระ)

การอบรมนี้จะมีขึ้นในเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน 2552 หนังสั้นที่ผลิตโดยผู้เข้ารอบ 5 คนสุดท้ายนี้จะเป็นลิขสิทธิ์ของทีมงานทั้ง 5 คน และอิเล็คทริคอีลฟิล์มจะให้ความช่วยเหลือตั้งแต่ขั้นตอนก่อนผลิตจนไปถึงการจัดฉายในเทศกาลภาพยนตร์ทั้งในและต่างประเทศ


Electric Eel Films Co, Ltd.
บริษัท อิเล็คทริคอีลฟิล์ม จำกัด 15/6 อาคารอาณารักษ์ สีลม ซอย 3 แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500Tel/Fax: 02-667-0177
Email: info@electriceelfilms.com www.electriceelfilms.com

4.9.09

โปรแกรมภาพยนตร์ ฟิล์มไวรัส กันยายน 2552

Film Program "Let's Scare you to Death - แกล้งให้ตาย" ประจำเดือนกันยายน 2552


A Filmsick Project

LET’S SCARE YOU TO DEATH

ดวงกมลฟิล์มเฮ้าส์ ชวนชม โปรแกรมพิเศษ ‘แกล้งให้ตาย’ รวมมิตรหนังสยองขวัญตกสำรวจ หลากหลายยุคสมัย นี่คือหนังสยองขวัญชั้นต่ำที่ เล่นจริงเจ็บจริง จากคนบ้าถึงแวมไพร์ จากฆาตกรนักเชือดถึงหมู่บ้านบ้าห้าร้อยจำพวก จากเตียงกินคนถึงธรรมชาติผี และนี่คือบรรดาหนังสยองขวัญที่จะพาคุณไปสุดเขตแดนสนธยาที่ไทวไลท์ยิ่งกว่าไทว์ไลท์ ไม่มีสาวสวยหนุ่มหล่อ ไม่มีภัยคุกคาม มีแต่ภูตผี ปีศาจ และเลือด เลือด เลือด!

ฉายจริงหวีดจริงตลอดเดือนกันยายนนี้

อาทิตย์ 6/9/52 เวลา 12.30 น.
LET’S SCARE JESSICA TO DEATH (JOHN D. HANCOCK/1971/USA)
http://www.youtube.com/watch?v=cX4eZD3GiL0

หนังสยองขวัญตกสำรวจที่ฮิตเงียบตลอดระยะเวลาหลายสิบปี กระทั่งมีแฟนคลับออนไลน์ทั้งๆ ที่ตอนออกฉายนั้นหนังคว่ำสนิท นี่คือหนังที่เล่าเรื่องของเจสสิก้า หญิงสาวที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลบ้า เพื่อเดินทางตามสามีไปพักผ่อนยู่อบ้านใหม่ในหมู่บ้านชนบท ระหว่างทางหล่อนพบว่าหมู่บ้านนี้ไม่น่าไว้ใจสักนิด ยิ่งไปถึงบ้านสวยริมบึงน้ำยิ่งน่าตกใจเพราะมีผู้หญิงคนหนึ่งมาแอบอาศัยอยู่ในบ้านก่อนหน้า แถมหล่อนเริ่มมองเห็นผีสาวมายืนกวักมือเรียกอยู่ไกลๆ มันเป็นแค่หลอนไปเอง หรือหล่อนถูกแกล้งให้ตกใจ หรือที่จริงบ้านนี้มันมีอะไรมากกว่าที่คิด!
http://filmsick.exteen.com/20080719/let-s-scare-jessica-to-death-john-hancock-1971

6/9/52 เวลา 14.30 น.
DEATH BED : THE BED THAT EATS (GEORGE BARRY/1977/USA)
http://www.youtube.com/watch?v=tBhsPP06-mA
หนังสยองขวัญสุดหลอนจากยุคทศวรรษที่เจ็ดสิบซึ่งเชื่อกันว่าสาบสูญไปหลายสิบปี กล่าวกันแบบตรงไม่อ้อมค้อม หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องของ เตียงกินคน! เตียงปีศาจหนานุ่มคลุ้มผ้าสวยงาม มีสี่เสาสูงและม่านคลุมรอบทิศ เตียงที่พอใครขึ้นไปนอนก็จะถูกกลืนกินจมไปในฟูกนอนทิ้งไว้แต่พรายฟองสี เหลืองราวละลายหายสูญไปไร้ร่องรอย! เหยื่อรายแล้วรายเล่า พากันมายังปราสาทหินห่างไกล บางคนมาจับคู่จู๋จี๋ บางคนมาท่องเที่ยวพักผ่อน บางคนก็มาหลบหนีการตามล่า หรือย้อนไปตั้งแต่สมัยต้นทาง กระทั่งพระท่านยังถูกเจ้าเตียงผีสิงที่กลืนกิน ภาพสยองของการกลืนกินผู้คนครั้งแล้วครั้งเล่าถูกเล่าผ่านวิญญาณของจิตรกร ที่มาวาดรูปเตียงนี้แล้วถูกจับขังไว้หลังรูปภาพจ้องมองเหยื่อแต่ละรายอย่าง สมเพชเวทนาเท่านั้น!
http://filmsick.exteen.com/20080624/death-bed-the-bed-that-eats-george-barry-1977

อาทิตย์ 13/9/52 เวลา 12.30 น.
THE BODY BENEATH (ANDY MILLIGAN /1970/UK)
http://www.youtube.com/watch?v=UeYj4gomdEM

ภาพยนตร์พิลึกโลกของผู้กำกับชาวอังกฤษมหาประลัยที่ทำหนังราวกับไม่รู้ว่าหนังคืออะไร ว่ากันว่านี่อาจจะเป็นหนังที่เป็นหนังที่สุดของเขา ว่าด้วยเรื่องของพระหนุ่มที่เพิ่งเดินทางกลับมาเปิดโบสถ์เก่าแก่อีกครั้งแต่ที่จริงแล้วพระคือผีดูดเลือดดึกดำบรรพ์ต่างหาก และเขามาที่นี่เพื่อจะมาสืบทอดสายเลือดแวมไพร์ให้กับคนในตระกูล เขาจับหลานสาวตัวเองมาขัง ส่งผีสาวหน้าเขียวไปไล่ล่าสามีของหลานสาว แล้วพยายามจะทำทารกผีดิบกับเธอโดยให้ภรรยาของเขาเป็นธนาคารเลือดเคลื่อนที่ โชคดีที่แฟนหนุ่มของเธอไหวตัวทัน!

13/9/52 เวลา 14.30 น.
THE RAPE OF VAMPIRE (JEAN ROLLINS/1968/FRANCE)
http://www.youtube.com/watch?v=bLyydDBgY8I

ภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรกของเจ้าพ่อหนังเปลือยเปื้อนเลือดที่ตั้งใจจะสั้นแต่ดันเก๋จนต้องทำให้ยาว หนังขาวดำว่าด้วยเรื่องเล่าสองเรื่องที่ไม่ได้เชื่อมโยงอะไรกันมากนัก หนังเล่าเรื่องแบบไม่ปะติดปะต่อเกี่ยวกับนักจิตวิทยาที่พยายามจะบอกกับสี่สาวที่อาศัยในปราสาทว่าเธอไม่ได้มีอายุ 200 ปี อย่างที่เธอคิด หรือท่านลอร์ดจอมลามก สาวที่ถูกควบคุมด้วยเสียงปีศาจ จนในครึ่งหลัง ราชินีแวมไพร์ เข้ามามีส่วนร่วม กับนาฏกรรมความตาย ในขณะที่กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ก็พยายามคิดวัคซีนต่อต้านการเป็นแวมไพร์ แต่นั่นยังไม่บ้าเท่ากับที่ว่าบรรดาตัวละครที่ตายไปแล้วในครึ่งแรกได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง!!!!

อาทิตย์ 20/9/52 เวลา 12.30 น.
INCUBUS (LESLIE STEVEN/1965/ USA)
http://www.youtube.com/watch?v=C8HZlV0yTZ4
นี่คือหนึ่งในหนังที่เชื่อได้ว่าสูญหายไปตลอดกาลแล้วเรื่องหนึ่งกระทั่งมีคนค้นพบฟิล์มเมื่อเร็วๆ นี้ หนังพูดภาษา Esperanto ทั้งเรื่องและผู้กำกับไม่ประสงค์จะให้มีการพากย์เพื่อคงบรรยากาศพิเศษนั้นเอาไว้ หนังเล่าเรื่องของนางปีศาจที่ชอบล่อหลอกผู้ชายนิสัยเลว ซึ่งนับวันจะยิ่งน่าเบื่อ เพราะผู้ชายเหล่านั้นสุดท้ายต้องตายลงนรกอยู่ดี เธอจึงอยากจะลองหลอกล่อคนดีๆ กับเขามั่ง โดยไม่ฟังคำทัดทานจากน้องสาว เธอพยายามล่อลวงมาร์คชายหนุ่มผู้กล้าเผชิญความตายอย่างห้าวหาญ หลังจากผ่านค่ำคืนหนึ่งไปด้วยกันเธอกลับพบว่าไม่เพียงมาร์คจะไม่เป็นอะไร แต่เธอกลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เพราะความรัก ด้วยความอาฆาตแค้น เธอจึงร่ายเวทย์ปลุกผีหวังจะทำลายมาร์คโดยเริ่มจากน้องสาวของเขา

20/9/52 เวลา 14.30 น.
LONG WEEKEND (COLIN EGGLESTON/1978/AUSTRALIA)
http://www.youtube.com/watch?v=rfaHMWls-Lc

หนังออสเตรเลียสุดระทึกที่เพิ่งเอามารีเมคใหม่เมื่อปีที่ผ่านมา เรื่องนี้เล่าเรื่องของคู่รักที่กำลังระหองระแหงเดินทางไกลหมายจะใช้วันหยุดสนสุขริมหาดลึกลับ ฝ่ายชายชอบแดดจ้าท้าลม ฝ่ายหญิงใจจริงกลับอยากนอนโรงแรมหรูมากกว่า แต่ข้อโต้แย้งของพวกเขาก็ตกไปเมื่อเขาเริ่มรู้สึกว่าตนเองถูกคุกคามจากนกหนูปูปลาในบริเวณนั้น กระทั่งเขาพบซากปลาโลมาตายที่เคลื่อนที่เข้ามาหาพวกเขาทุกที รถตู้ร้างริมหาด และนกที่จ้องทำร้ายอย่างไร้เหตุผล ความสัมพันธ์กลัดหนองก็ยิ่งอักเสบปริแตกออกมาทุกทีๆ บางทีอาจเป็นไปได้ว่าธรรมชาติละเล่นตลกและย้อนกลับมาไล่ฆ่าพวกเขาเยี่ยงฆาตกรโรคจิต
http://filmsick.exteen.com/20090321/long-weekend-colin-eggleston-1978-australia


อาทิตย์ 27/9/52 เวลา 12.30 น.
20,000 MANIACS (HERSCHELL GORDON LEWIS/1964/USA)
http://www.youtube.com/watch?v=CP7ROBiljt4

ภาพยนตร์สยองขวัญยุคต้นของเจ้าพ่อหนังสยองขวัญพื้นบ้าน Herschell Gordon Lewis ที่ระทึกจนถูกเอามารีเมคแบบเติมจำนวนคนบ้าเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา หนังเล่าเรื่องกลุ่มหนุ่มสาวหน้าใสขับรถไปเที่ยววันหยุดแล้วพลัดหลงเข้าไปในเมืองประหลาดที่ชาวเมืองกำลังเฉลิมฉลองราวกับเพิ่งเสร็จสงครามกลางเมืองก็มิปาน พวกเขาชวนหนุ่มสาวให้ไปร่วมงานฉลองตลอดทั้งวันทั้งคืน จัดให้พวกเขาเข้าพักในโรงแรมชั้นดีของเมือง มีนายอำเภอมาต้อนรับ ซึ่งมันก็คงจะดีอยู่หรอกถ้าไม่บังเอิญว่าพวกเขาเองต้องมีส่วนร่วมในงานฉลองนั้นด้วย ซึ่งแน่นอน ไม่ใช่ในลักษณะผู้ชม! นี่คือหนังสยองขวัญทุนต่ำยุคหกสิบถ่ายง่ายฉายคล่องที่จะทำให้คุณขนลูกกรูเกรียวทั้งๆ ที่ว่าห้ากระจ่างสดใสเลยทีเดียว
http://filmsick.exteen.com/20081023/2000-maniacs-herschell-gordon-lewis-1964

27/9/52 เวลา 14.30 น.
THE GERMAN CHAISAW MASSACRE (CHRISTOPH SCHLINGENSIEF/1990/GERMAN)
http://www.youtube.com/watch?v=OM8ZevwUf2A

เราเคยรู้จักครอบครัวเลื่อยไฟฟ้ามหาภัยในเทกซัสมาแล้วหลายต่อหลายรอบ แต่ใครจะรู้ว่าในตะเข็บชายแดนเยอรมัน (เมื่อครั้งกำแพงเบอร์ลินยังไม่ทันพัง) ก็มีครอบครัวแบบนี้อยู่ด้วยแถมยังบ้ายกกำลังสามเพราะนี้คือครอบครัวปีศาจที่ชอบไล่ฆ่าคน แต่เลือกเฉพาะพวกเยอรมันตะวันออกที่นี่ข้ามพรมแดนกำแพงเบอร์ลินมานะ เนื้อพวกมันอร่อยเหมาะจะเอาไปทำไส้กรอกเยอรมัน! ซึ่งมันก็คงง่ายอยู่หรอกถ้าเหยื่อรายล่าสุดไม่ใช่สาวทอมบอยหน้าใสใจสิงห์ที่สู้ยิบตา นี่คือหนังสุดฮา บ้าคลั่ง และป่าเถื่อนซึ่งเหมาะแก่การปิดฤดูกาลมหาประลัยรี้อย่างยิ่ง ภาพยนตร์โดย Chirstop Schlingensief ฉาวโฉ่ตัวแม่ที่ทำหนังมาเมื่อไหร่ ได้เรื่องกับทั้งคนดู นักวิจารณ์และพวกอนุรักษ์นิยมทุกครั้งไป!
http://filmsick.exteen.com/20081126/the-german-chainsaw-masacre-christoph-schlingenseif-1991

คนลักหลับ

My photo
Filmvirus เป็นนามปากกาเดิมของสนธยา ทรัพย์เย็น จากคอลัมน์ “นิมิตวิกาล” ที่ใช้ในนิตยสาร Filmview ปี 2537 ต่อมาในปี 2538 สนธยาได้ก่อตั้ง “ดวงกมลฟิล์มเฮ้าส์” หรือ DK.Filmhouse (Filmvirus) จัดฉายหนังด้อยโอกาสให้ผู้สนใจชมฟรี พร้อมจัดพิมพ์หนังสือด้านหนัง และวรรณกรรม ชุด Filmvirus / Bookvirus (ส่วนหนังสือ “คนของหนัง” ปี 2533 นั้นเป็นผลงานก่อนตั้งฟิล์มไวรัส) ส่วนผลงานอื่นๆ ปี 2548 เป็นกรรมการเทศกาลหนัง World Film Festival of Bangkok , ปี 2552 กรรมการ Sydney Underground Film Festival, งาน Thai Short Film and Video Festival ของมูลนิธิหนังไทยครั้งที่ 1 และปี 2548-2549 เป็นเจ้าภาพร่วมจัดเทศกาลประกวดหนังนานาชาติ 15/15 Film Festival, Australia