21.9.09

Bad Lieutenant: Port of Call New Orleans (หนังท้าชนของ Werner Herzog และ Nicholas Cage) ก่อนการดัดแปลง The Piano Tuner ของ Daniel Mason

ตำรวจโฉด ผู้กำกับเถื่อนมาพบกันใน Bad Lieutenant: Port of Call New Orleans

(งานหักดิบของ Werner Herzog ทำหนังมามากกว่า 40 ปี แต่จะได้ฉายในโรงเมืองไทยมากกว่าหนึ่งโรงก็ด้วยเรื่องเนี้ย? เพราะบารมีของ นิโคลาส เคจ?)

ได้ข่าวว่าเรื่องนี้อาจจะเข้าโรงเดือนตุลาคม ทั้งยังได้ข่าวว่าอาจจะเป็นหนังเปิดเทศกาลหนังกรุงเทพ ฯ ปี 2009 ในวันที่ 24 กันยายนนี้ด้วย และตามธรรมเนียมของหนังเปิดเทศกาลมันไม่น่าจะเป็นหนังดีแบบที่คอหนังอาร์ตชื่นชม

ตั้งแต่ประกาศสร้างมันก็ส่อแววล่มแล้ว เพราะชื่อมันดันขึ้นต้นด้วย Bad Lieutenant ซึ่งเป็นชื่อหนังเก่าของ อเบล แฟร์ราร่า (Abel Ferrara) หนังรุนแรงโชว์ของที่นำแสดงโดย Harvey Keitel (คนดูบ้านเราน่าจะรู้จักเขาจาก Mean Streets, Reservoir Dogs, The Piano มากกว่า) บางคนเรียก Bad Lieutenant ฉบับนี้ว่าหนังคลาสสิก บางคนเรียกว่าหนังคัลท์ ส่วนผมเรียกว่าหนังดิบที่น่าสนใจ แต่ไม่ใช่หนังที่พิศวาสเป็นพิเศษ

แล้วฉบับสร้างใหม่ นี่มันหนังรีเมค หรือหนังเกรดบีของคนคิดสั้นกันแน่

คงไม่ฮือฮาป่าแตก หากชื่อที่มาแปะ ไม่ใช่ชื่อของ นิโคลาส เคจ และ แวร์เนอร์ แฮร์โซก (Werner Herzog)

เกิดอะไรขึ้นกับ Werner Herzog ผู้กำกับหนังคลาสสิกชาวเยอรมันระดับปรมาจารย์ ของหนัง Aguirre, Wrath of God, Fitzcarraldo, The Enigma of Caspar Hauser, Fata Morgana, The Wild Blue Yonder รวมทั้งหนังสารคดีชั้นดีอีกเพียบอย่าง Land of Silence and Darkness (อ่านที่ผมเขียนในหนังสือ 151 Cinema), Little Dieter Need to Fly, La soufrière, Grizzly Man และอื่น ๆ อีกมาก

ผมเคยเขียนเกี่ยวกับ แวร์เนอร์ แฮร์โซก ไว้ในพ็อคเก็ตบุ๊คของ openbooks ชื่อ The 8 Masters : 8 ผู้กำกับภาพยนตร์โลกระดับบรมครู ดูรายละเอียดที่นี่: http://openbooks.tarad.com/product.detail_0_th_1037515

เป็นไปได้ไหมที่ Werner Herzog อยากจะ re-invent ภาพตัวเองใหม่เป็นคนทำหนังที่ “ทำได้สำเร็จ” ในฮอลลีวู้ด หรือ แวร์เนอร์ อยากได้สตางค์ซื้อบ้านใหม่ให้เมียที่แอลเอ หรือเขาอยากพิสูจน์ว่าเขาสามารถตีลังกาพลิกแพลงสูตรหนังตำรวจโฉดอาชญากรชั่วให้คนดูหนังตกใจจนตั้งตัวไม่ติด

ในฐานะที่ผมติดตามดูหนังแทบทุกเรื่องของ แวร์เนอร์ เขียนบทความเกี่ยวกับตัวเขาก็หลายครั้ง แถมยังถ่อไปดูตัวจริงมาอีกถึงสองครา ทั้งที่ลอนดอนและที่เชียงใหม่ (ตอนเขามาถ่าย Rescue Dawn กับ Christian Bale) หนัง Bad Lieutenant ฉบับใหม่นี้จะออกหมู่ออกจ่าก็ต้องตามไปดูละท่าน ถึงจะส่อกลิ่นไม่ชอบมาพากลไปสักหน่อย ว่าลุง แวร์เนอร์ จะรอดเหรอ ทำหนังแอ็คชั่นฮอลลีวู้ด นี่มันจะเป็นหนังของคนคนเดียวกับที่กำกับ Klaus Kinski ถางป่าแล้วเอาโอเปร่าไปแสดง ตะลุยลำน้ำอเมซอน ฝ่าดงป่า ลุยภูเขาหิมะ ตามไปถ่ายภูเขาไฟระเบิดแน่เหรอ กระทั่งชนะรางวัลมากมายตามเทศกาล รวมทั้งเข้าชิงรางวัลออสการ์ปีที่แล้วจากหนังสารคดี Encounters at the End of the World อีกล่ะ

แล้วนี่อาจเป็นครั้งแรกที่ นิโคลัส เคจ อาจส่งให้หนังลุงแวร์เนอร์ ได้ฉายในโรงแบบซีนีเพล็กซ์เป็นครั้งแรก (คราวสารคดี Grizzly Man ไม่นับเพราะฉายที่ลิโด้)

ตอนประกาศข่าวสร้างปั๊ปก็มีข่าวเหน็บแนมกันของสองฝ่าย ฝ่ายผู้กำกับฉบับดั้งเดิมที่อวยพรให้ทีมงานสร้างเรื่องใหม่ไปตกตายตามกันเสียไว ๆ กับ แวร์เนอร์ แฮร์โซก ผู้กำกับฉบับใหม่ที่ยืนยันว่าไม่ใช่หนังรีเมค ตัวละครนำที่เป็นตำรวจเถื่อนไม่ใช่ตัวเดียวกัน ฉากก็ไม่ใช่นิวยอร์ค แต่เป็นนิวออร์ลีนส์ เพียงแต่ชื่อหนังท่อนแรกที่ถูกโปรดิวเซอร์เจาะจงมาเท่านั้น นอกจากนั้นไม่ได้มีอะไรเหมือนกันเลย ที่สำคัญคือ แฮร์โซก ยืนยันว่า เขาไม่เคยดูหนังของ อเบล แฟร์ราร่า (Abel Ferrara) อีกทั้งยังไม่เคยได้ยินชื่อของหมอนี่มาก่อนอีกต่างหาก

พูดแค่เท่านี้ก็เป็นเรื่อง สื่อชอบ คอหนังฉบับเดิมครางฮืด

ไม่กี่เดือนผ่านไป แวร์เนอร์ ถ่ายหนังเสร็จเร็วเหมือนทุกครั้ง จากนั้นถ่ายต่องานเรื่องใหม่ My Son, My Son, What Have Ye Done กับโปรดิวเซอร์ เดวิด ลิ้นช์ (David Lynch) ทันที (ได้ข่าวว่า 2 ปรมาจารย์ตั้งใจพิสูจน์ให้วงการหนังรู้ว่า สามารถทำหนังดีได้โดยใช้งบไม่เกิน 2 ล้านเหรียญ) จนกระทั่งตอนนี้หนังทั้งสองเรื่องได้ออกฉายและเข้าประกวดแล้วที่เทศกาลเวนิซ ตามด้วยเทศกาลหนังโตรอนโต้ เสียงวิจารณ์มีทั้งชื่นชมและไม่สบอารมณ์ และที่งานเมืองเวนิซ แวร์เนอร์ เอ่ยปากชวน แฟร์ราร่าผ่านสื่อด้วยว่าอยากเชิญชวนให้มาดูหนังเอง พิสูจน์ด้วยตาว่าไม่ใช่งานรีเมค แล้วมานั่งกรึ๊บแชมเปญด้วยกัน ซึ่งพอนักข่าวไปถามทาง แฟร์ราร่าบ้าง รายนั้นก็บอกว่าที่เคยสาปส่งน่ะ ไม่รวมตัวแวร์เนอร์กับ นิโคลัส เคจ แต่เจาะจงเฉพาะที่ตัวโปรดิวเซอร์ ที่บังอาจเอาชื่อหนังมาหากินใหม่ ตามด้วยคำที่ว่าเขาไม่ดื่มแชมเปญ ดื่มแต่บัดไวเซอร์

ระหว่างรอชมหนังในโรงด้วยใจระทึก ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า แวร์เนอร์ อาจไม่รู้จัก แฟร์ราร่า แต่แน่นอนว่า แฟร์ราร่าต้องเคยรู้จัก แวร์เนอร์ ชัวร์ เพราะในหนังปี 1993 ของ เฟอร์ราร่าเรื่อง Dangerous Game (หรืออีกชื่อคือ Snake Eyes) ที่เคยฉายโรงและออกวีดีโอเทปบ้านเรา มีฉากที่ ฮาร์วี่ย์ ไคเธล หรือ มาดอนน่า ใครสักคนนี่แหละเปิดทีวีแล้วมีภาพ แวร์เนอร์ จากสารคดี Burden of Dreams ของ Les Blank (ที่ตามไปถ่ายเบื่องหลังกองถ่าย Fitzcarraldo ของ แวร์เนอร์ ในป่าอเมซอน) แล้วภาพ แวร์เนอร์ ในทีวีให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความมหัศจรรย์และอันตรายของป่าดงดิบซึ่งหาความโรแมนติกไม่เจอเลย (ประโยคคล้าย ๆ กันนี้ แวร์เนอร์พูดอีกครั้งในสารคดีเรื่องดัง Grizzly Man เมื่อหลายปีต่อมา)

ไม่เขื่อก็ต้องเชื่อ ขณะที่เขียนข้อมูลนี้เพิ่งรู้ว่า Werner Herzog มีหนังเข้าฉายที่เทศกาลหนังเวนิซเป็นเรื่องที่สามในปีเดียวกัน! คือหนังสั้นโอเปร่าเรื่อง La bohème เป็นที่รู้กันว่า Werner ชอบโอเปร่ามาก เคยไปกำกับโอเปร่าของจริงบนเวทีหลายประเทศมาก็หลายครั้ง แต่คราวนี้เป็นครั้งแรกที่ถ่ายลงฟิล์ม! งานนี้เป็นการจ้างของ English National Opera ซึ่งจ้างศิลปินอย่าง Sam Taylor Wood และ Dougal Wilson มาทำหนังโอเปร่าคนละตอน มีตัวอย่างของ แวร์เนอร์ ให้ดูด้วยที่นี่:
http://latimesblogs.latimes.com/culturemonster/2009/09/werner-herzog-takes-la-boh%C3%A8me-to-ethiopia-in-short-film.html

ป่านนี้ คาดว่าเขาคงเริ่มงานกำกับ The Piano Tuner ของ เดเนียล เมสัน แล้วมั้ง (นิยายเรื่องนี้มีแปลเป็นภาษาไทยด้วยในชื่อ เปียโนจูนเนอร์ แปลโดย ศิริรัฐ ทองใหญ่ ณ อยุธยา, สำนักพิมพ์ซิลค์เวอร์ม) แนวเรื่อง เปียโนจูนเนอร์ นี่ดูเข้าทางถนัด แวร์เนอร์ อยู่แล้ว เพราะเกี่ยวกับคนขาวในแดนตะวันออก

มีคลิปล้อเลียน Werner Herzog ออกรายการทีวี สอนทำกับข้าวด้วย ฮามาก ถ้ารู้จักหนังของเขา (โดยเฉพาะถ้าเคยดู Werner Herzog Eats His Shoe)
http://www.funnyordie.com/videos/be11417a8e/cooking-with-werner-herzog-and-special-guest-jim-jarmusch และมีอีกอันหนึ่งกับ Joaquin Phoenix ด้วย

มีบล็อกของ Werner Herzog ที่นี่ http://thewernerhrzogarchive.blogspot.com/

หมายเหตุ DVD และ VCD หนังแวร์เนอร์ แฮร์โซก
นอกจาก Rescue Dawn ที่ คริสเตียน เบล นำแสดง จะเป็นหนังที่หาดูดีวีดีบรรยายไทยถูกลิขสิทธิ์ได้ไม่ยากแล้ว ยังมีหนังของ แวร์เนอร์ แฮร์โซก อีกสองเรื่องที่ออกเป็นวีซีดีพากย์ไทย รายละเอียดอ่านที่บล็อก นิมิตวิกาล: http://twilightvirus.blogspot.com/2008/01/werner-herzog.html

6 comments:

filmvirus said...

ดูมาแล้ว ไม่แนะนำสำหรับคอหนังอาร์ต หรือคอหนังแอ็คชั่นก็อย่าไปดู ส่วนแฟนหนัง werner herzog หรือ nicholas cage ที่คาดหวังผลงานแนวเดิม ๆ ของสองคนนี้ก็มีสิทธิ์ผิดหวังสูงมาก

แต่ ฟิล์มไวรัส ปลื้มมากฮ่ะ

celinejulie said...

I think BAD LIEUTENANT: PORT OF CALL NEW ORLEANS (2009, Werner Herzog, A+++++) is one of the loveliest films I have ever seen. I think the iguana scene is very classic. I also like the performance of Denzel Whitaker (Daryl) very much, especially the scene in which he sits in Terence's car. The little expression in his face and his eyes can effectively convey his thinking, "I'm in deep shit right now." I also like the moment in which he pretends to be asleep while Terence snorts some cocaine.

I think I possibly may have seen more than a hundred Hollywood police films, but this film still can make me feel as if I have never seen something like this before. I think I much prefer this film to some films made by Martin Scorsese, Michael Mann or James Gray.

filmvirus said...

How impressive! Very Glad to know that you rank it high and holy. Abel Ferrara's version was pretty good above most of the police genre films as well but Herzog ia always my man. I couldn't stand Nicholas Cage in Leaving Las Vegas and City of Angels but in Raising Arizona and the latest BLT he really is unbeatable.

filmvirus said...

Maurice Pialat made an excellent corrupted cop film callled POLICE (Gerard Depardieu and Sophie Marceau). That was probably one of the best cop films. What was the other one called, the one with Nathalie Baye as the Head Police?

celinejulie said...

I haven't seen POLICE, but I'm sure it's a good film. The film with Nathalie Baye is called LE PETIT LIEUTENANT (2005, Xavier Beauvois, A+). I think it's a great film dealing with good cops.

As for films about bad cops, I like RULE # 1 (2008, Kelving Tong, A+++++) very much. It is about a good handsome cop who tries to do things in an appropriate way at first—meaning he doesn't do extrajudicial killings. But being a good person results in his being shot and wounded by an evil guy. After that, his new boss tries to convince him to do some extrajudicial killings, telling him it is an appropriate way to deal with evil people (metaphorically portrayed here as people who are possessed by evil ghosts). But extrajudicial killing is also not an appropriate way to stop evil people. I like the relentlessly feel-bad feelings in this film very much. I like it that the film portrays "damned if you do, damned if you don't" situation. If you don't shoot evil people first, you will be killed. If you shoot evil people first, you will become as evil as them.

filmvirus said...

"damned if you do, damned if you don't" That's cool!

คนลักหลับ

My photo
Filmvirus เป็นนามปากกาเดิมของสนธยา ทรัพย์เย็น จากคอลัมน์ “นิมิตวิกาล” ที่ใช้ในนิตยสาร Filmview ปี 2537 ต่อมาในปี 2538 สนธยาได้ก่อตั้ง “ดวงกมลฟิล์มเฮ้าส์” หรือ DK.Filmhouse (Filmvirus) จัดฉายหนังด้อยโอกาสให้ผู้สนใจชมฟรี พร้อมจัดพิมพ์หนังสือด้านหนัง และวรรณกรรม ชุด Filmvirus / Bookvirus (ส่วนหนังสือ “คนของหนัง” ปี 2533 นั้นเป็นผลงานก่อนตั้งฟิล์มไวรัส) ส่วนผลงานอื่นๆ ปี 2548 เป็นกรรมการเทศกาลหนัง World Film Festival of Bangkok , ปี 2552 กรรมการ Sydney Underground Film Festival, งาน Thai Short Film and Video Festival ของมูลนิธิหนังไทยครั้งที่ 1 และปี 2548-2549 เป็นเจ้าภาพร่วมจัดเทศกาลประกวดหนังนานาชาติ 15/15 Film Festival, Australia