Low Budget Films in Combat
ตำนานแห่งชัยชนะของหนังเล็กใจลุย
ย้อนกลับไปเมื่อ 13 ปีก่อน ครั้งยังมีนิตยสาร Filmview ของบรรณาธิการ
กลุ่มคนทำหนังในคอลัมน์นั้นที่เป็นทั้งผู้กำกับและเขียนบทหนังของตัวเองประกอบด้วย
ตอนที่ 1 – เควนติน ทาแรนทีโน่ (Quentin Tarantino)
ตอนที่ 2 – โรเบิร์ต โรดริเกซ (Robert Rodriguez)
ตอนที่ 3 – แฮล แฮร์ทลี่ย์ (Hal Hartley)
ตอนที่ 4 – จิม จาร์มุช (Jim Jarmusch)
ตอนที่ 5 – ดีเร็ค จาร์แมน (Derek Jarman)
นั่นคือเหตุการณ์ก่อนหน้าที่โลกจะมี Pulp Fiction, Grindhouse,
‘ฟิล์มไวรัส 5: ปฏิบัติการหนังทุนน้อย’
ดันทุรังยืนหยัดต่อสู้กับอุปสรรคและเงื่อนไขทางธุรกิจเพื่อให้ได้
รวมพล 23 ผู้กำกับจอมอึดผู้สร้าง ตำ น า น แ ห่ ง ชั ย ช น ะ ข อ ง
นอกจาก 5 ชื่อที่กล่าวไปแล้วก็มี
1. สตีเว่น โซเดอร์เบิร์ก (Steven Soderbergh)
นักทดลองผู้อยู่ไม่สุขที่ทำได้หมดทั้งหนังขาย, และหนังอาร์ต ผลงานตั้งแต่
2. กิญแญร์โม่ เดล โตโร่ (Guillermo del Toro)
เซียนหนังพีเรียดแฟนตาซีฉบับโลกมืดวัยเยาว์แบบ Pan’s Labyrinth,
3. เดวิด ลิ้นช์ (David Lynch) ป๋าสติหลุดผู้ที่ เดนนิส ฮอปเปอร์ เรียกว่า
เป็นศิลปินเซอร์เรียลลิสต์ชาวอเมริกันคนแรก ด้วยหนังเพี้ยนพิลึกอย่าง
4. โรเจอร์ คอร์แมน (Roger Corman)
เจ้าพ่อผู้อำนวยการสร้างและผู้กำกับหนังชื่อดังที่ปั้นมดงานอย่าง เจมส์
5. จอร์จ เอ. โรเมโร่ (George A. Romero) เจ้าพ่อหนังไตรภาคซอมบี้อย่าง
6. ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปล่า (Francis Ford Coppola)
กับประสบการณ์ทำหนังสยองขวัญราคาประหยัด Dementia 13
ก่อนการก้าวขึ้นสู่ความยิ่งใหญ่ในไตรภาค The Godfather
7. จิม แม็คไบร์ด (Jim McBride) ต้นแบบหนังไดอารี่ส่วนตัวอย่าง
รวมทั้งหนังอเมริกันรีเมคเรื่อง Breathless กับ ริชาร์ด เกียร์ และ
8. นีล ลาบิวต์ (Neil Labute) มือฉมังเจ้าของหนังชวนชายหญิงทะเลาะกันอย่าง
9. ริชาร์ด ลิ้งค์เลเตอร์ (Richard Linklater) ผู้กำกับหนุ่มที่เข้าใจหัวอกวัยรุ่น
(ที่ไม่ได้มีแค่ใจแตก) ด้วยผลงาน Before Sunrise / Before Sunset,
10. จอห์น เซลส์ (John Sayles)
ชื่อที่ไม่ต้องแนะนำว่าเป็นโก๋อินดี้ตัวจริงที่ยังอยู่ทนถึงยุคปัจจุบันด้วยงานอย่าง
Lone Star, Limbo, Matewan (นรกเมืองเดือด), City of Hope
11. โจนาธาน เด็มมี่ (Jonathan Demme)
ผู้กำกับที่ชำนาญการดึงฝีมือดารานักแสดงได้โดนใจกรรมการออสการ์
12. แอนน์ ฮุย (Ann Hui) ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้หญิงจะสู้ทนในวงการหนัง
และสำหรับหนังฮ่องกง เธอคือหนึ่งในตำนาน ใครอยากรู้ว่า July Rhapsody,
13. จอห์น แคสซาเวทส์ (John Cassavetes) อเมริกันอินดี้ทุกคนตั้งแต่
และยังอยากจะทำหนังให้ได้คุณภาพสักครึ่งหนึ่งของเขาก็ยังดี
14. เวย์น หวัง (Wayne Wang) เป็นได้ทั้งศิลปินและมือปืนรับจ้าง
แม้หนังของเขาบางเรื่องจะหาตัวตนไม่เจอ แต่กับหนังอย่าง Chan is Missing
ที่บุกเบิกชื่อเขาจนประเทือง และ Smoke ที่นักวิจารณ์หนังชื่นชม เขาก็ยังมี The
15. ทอม นูแนน (Tom Noonan) หาคนรู้จักหนังของเขาได้ยากเย็น
แต่กับคนที่ทึ่งกับงานของเขาอย่าง เรย์ คาร์นี่ย์
นักเขียนและอาจารย์สอนภาพยนตร์ที่มหาวิทยาลัยบอสตั้น กล่าวว่า
เขาคือคนทำหนังอเมริกันอินดี้ที่เยี่ยมยอดที่สุดในปัจจุบัน ถัดจากการจากไปของ
16. เฮนรี่ แจ็กกล็อม (Henry Jaglom) นอกจาก EricRohmer แห่งฝรั่งเศส
อีกสักกี่คนที่จะถ่ายทอดภาพคนนั่งคุยกันได้เนียนเท่าเขา
17. เฮิร์ค ฮาร์วี่ย์ (Herk Harvey) แม้จะทำหนังเรื่องเดียว
18. คริสโตเฟอร์ มึ้นช์ (Christopher Munch)
คนทำหนังเรียบง่ายขนาดเล็กที่เก็บรายละเอียดลึกซึ้งกินใจ
คนพวกนี้แทบจะเริ่มต้นจากจุดศูนย์
ก่อนหน้านั้นกุหลาบไม่ได้โรยเป็นพรมแดงไปที่สกาล่า
พวกเขาต้องฟันฝ่าอะไรมาบ้างกว่าจะได้มายืนบนยอดดอย
แต่ก็ใช่ว่าหนังของพวกเขาจะต้องดูยากเย็นแบบต้องปีนบันไดดูหรอกนะ
บางคนเป็นพนักงานร้านเช่าวีดีโอที่บ้าหนังระดับเซียน
บางคนรับจ้างเป็นหนูทดลองยาเพื่อนำเงินมาทำหนังบู๊เทคเดียวผ่าน
บ้างแยกทางจากครอบครัว เฝ้าขลุกอดมื้อกินมื้ออยู่กับหนังเรื่องเดียวถึง 5 ปี
บ้างยอมทำหนังพิลึกทุกประเภท รับงานทุกจ๊อบ
เพียงเพื่อให้ได้มีโอกาสกำกับหนังเรื่องแรก
บ้างตั้งตัวเป็นเจ้าพ่อหัวใส ปั่นหนังสัตว์ประหลาดราคาย่อมเยาได้ฉับไว
บ้างขอแค่ทำหนังที่ทุกคนดูสนุกก็อิ่มใจนัก
บ้างเหลวไหลกับงานทุกประเภท
กว่าจะรู้ตัวว่าชาตินี้เกิดมาเพื่อทำหนังที่ประหลาดแหวกแนว
บ้างตั้งเป้าไม่ขอทำหนังเด็ดขาด
หากไม่ได้ถ่ายทอดชีวิตในแบบที่จริงใจต่อมุมมองของตัวเองเท่านั้น
และอีกหลายคนที่ถูกหัวเราะเยาะดูแคลน แต่ก็ยังมุ่งหน้าสร้างฝัน
โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่องานเสร็จจะมีคนเห็นคุณค่า หรือมีบริษัทใด
ฟิ ล์ ม ไ ว รั ส เล่ม 5 (ป ฏิ บั ติ ก า ร ห นั ง ทุ น น้ อ ย)
Low Budget Films in Combat
ตำ น า น แ ห่ ง ชั ย ช น ะ ข อ ง ห นั ง เ ล็ ก ใ จ ลุ ย
((((( วางจำหน่ายแล้ววันนี้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป และหาได้ง่ายที่
สำหรับต่างจังหวัดมีขายที่ ร้านสุรวงศ์บุ๊คเซ็นเตอร์ เชียงใหม่ และ
และขายในงานสัปดาห์หนังสือปีละ 2 ครั้ง ประมาณเดือนเมษายนและตุลาคม ที่
No comments:
Post a Comment